พูดถึงญี่ปุ่น เชื่อว่าทุกคนคงนึกถึง ซูชิ ซากุระ ไม่ก็ออนเซ็นกันแน่ๆ
แต่น้อยคนที่จะพูดถึงการลงทุนในญี่ปุ่น
ว่าแต่ ญี่ปุ่น ประเทศที่มีแต่ผู้สูงอายุ ดัชนีหุ้นก็ Sideway มา 30 ปี
มันมีอะไรดี?
┏━━━━━━━━━━━━━┓
🍭DCA ที่ FinVest เจ๋งอย่างไร? กดดูเลย👆
🍭มัดรวมโปรโมชันกองทุนหลายต่อ ที่เดียวจบ อ่านเพิ่มเติม👆
┗━━━━━━━━━━━━━┛
🍣 ญี่ปุ่นไม่ได้มีดีแค่ซูชิ! รีวิวกองทุนญี่ปุ่น Schroder ISF Japanese Equity
พูดถึงญี่ปุ่น เชื่อว่าทุกคนคงนึกถึง ซูชิ ซากุระ ไม่ก็ออนเซ็นกันแน่ๆ แต่น้อยคนที่จะพูดถึงการลงทุนในญี่ปุ่น
แต่มาถึงตรงนี้หลายคนคงเริ่มเอ๊ะแล้วว่า หุ้นญี่ปุ่นเนี่ยนะ? ประเทศที่มีแต่ผู้สูงอายุ และดัชนี Nikkei 225 แกว่งตัว Sideway มา 30 กว่าปีเนี่ยนะ น่าสนใจ?
ยอมรับว่าตอนแรกเราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่พอได้ลองอ่านการวิเคราะห์ของ Schroders แล้วกลับทำให้ภาพของผมที่มีให้กับญี่ปุ่นเปลี่ยนไปทันที
แล้วญี่ปุ่นมีอะไรดีกัน ทำไมถึงน่าลงทุน?
1.บริษัทญี่ปุ่นเริ่มแคร์ผู้ถือหุ้นมากขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก
ในสมัยก่อนกรรมการและบอร์ดบริหารของบริษัทญี่ปุ่นมักจะนิยมใช้คนในบริษัทเป็นบอร์ดบริหาร แต่ปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนผ่านโดยมีการเข้ามาของกรรมการจากภายนอกและกรรมการอิสระมากขึ้น
ถามว่าทำไมต้องให้กรรมการอิสระและกรรมการภายนอกเข้ามานั่งในบอร์ดบริหาร เหตุผลก็คือเพื่อให้การกำกับดูแลกิจการดีขึ้น เนื่องจากกรรมการจากภายนอกอาจจะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในการตัดสินใจ รวมไปถึงได้มุมมองที่กว้างขวางกว่าการใช้แต่คนในองค์กรตัดสินใจเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังเป็นการปกป้องผู้ถือหุ้นทางอ้อมมากขึ้นอีกด้วย
อีกหนึ่งแนวโน้มที่เราเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นคือการซื้อหุ้นคืน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยในปี 2022 ที่ผ่านมา บริษัทที่ประกาศแผนจะซื้้อหุ้นคืนในดัชนี TOPIX นั้น พบว่า วงเงินของการซื้อหุ้นมากอยู่ที่ราวๆ 9 ล้านล้านเยน หรือถ้าตีเป็นเงินไทยก็ราวๆ 2.4 ล้านล้านบาทด้วยกัน โดยบริษัทญี่ปุ่นในดัชนี Topix มีสถานะเงินสดสุทธิสูงขึ้นและสูงกว่าทั้ง S&P500 และ STOXX600
2.มีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น ส่งผลให้ ROE สูงขึ้น
ต้องยอมรับว่าถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว แต่ด้วยความอนุรักษ์นิยมทำให้บริษัทต่างๆ อาจจะยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานมากนัก
แต่ในช่วงระยะหลังที่ผ่านมา บริษัทต่างๆ มีการลงทุนทางด้าน Software มากขึ้น และทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ค่า ROE หรืออัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นของดัชนี TOPIX จาก 4.0% ในปี 2012 ขยับขึ้นมาเป็น 9.1% ในเดือนมีนาคมปี 2023 ที่ผ่านมา
🍣 กองทุนญี่ปุ่นแนะนำ Schroder ISF Japanese Equity
ปรัชญาและเป้าหมายการลงทุนของ Schroder ISF Japanese Equity
เป้าหมายของกองทุนคือมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนแบบยั่งยืนสำหรับการลงทุนในระยะกลางถึงยาว โดยจะพุ่งเป้าไปที่การหาหุ้นที่มีการเติบโตเป็นหลัก โดยตั้งเป้าว่าให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายเอาชนะดัชนีชี้วัดอย่าง TOPIX ได้
แนวทางการลงทุน
● ใช้หลักการ GARP (Growth at Resonable Price) โดยมองหาหุ้นที่ถูกกว่ามูลค่า แต่ด้านการเติบโตมีการเติบโตเหนือกว่าค่าเฉลี่ย
● ลงทุนในบริษัท 70-90 บริษัท โดยไม่จำกัดขนาดหุ้น แต่จะเน้นน้ำหนักไปที่หุ้นขนาด เล็ก – กลาง
กลยุทธ์คัดเลือกหุ้น
● เติบโตแบบยั่งยืน 3-5 ปี โดยจุดที่สำคัญคือต้องโตมากกว่าค่าเฉลี่ย
● ราคาหุ้นต้องไม่แพง โดยดูจากหุ้นที่ PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
● มีความได้เปรียบด้านต้นทุน โดยดูที่ ROE ว่ากำลังเติบโตหรือไม่
● วิเคราะห์ปัจจัยเชิงคุณภาพเพื่อมองหาบริษัทที่มีคุณภาพดี เหมาะกับการลงทุน เช่นความสามารถของทีมผู้บริหาร รวมไปถึงว่าบริษัทมีความใส่ใจต่อนักลงทุนหรือไม่ รวมไปถึงปัจจัยด้านอื่นเช่น ESG เป็นต้น
● มีพัฒนาการเชิงบวกเมื่อเทียบกับความคาดหวังของตลาด โดยในบางโอกาสอาจจะมองว่าตลาดมองลบเกินไปขณะที่หุ้นมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ลักษณะเช่นนี้ถือเป็นจังหวะซื้อ
ทีมงานการบริหารกองทุน
จุดเด่นที่น่าสนใจของกองทุน Schroder ISF Japanese Equity อีกอย่างคือรูปแบบการบริหารกองทุน ที่จะบริหารงานโดยทีมหลัก 4 คนได้แก่
Kazuhiro Toyoda – Fund Manager
Kentaro Sasaki – Head of Research/Sector Analyst
Ayumi Kobayashi, CFA – Small cap team leader/Analyst
Joshua Bennison, CFA – Sector Analyst
โดยนอกจากทีมหลักแล้วยังมีทีมกลยุทธ์เสริมหลากหลายมิติ ทั้งด้าน Growth Quality Yield และอื่นๆ ซึ่งทีมนักกลยุทธ์ก็จะเชี่ยวชาญเฉพาะเจาะจงในแต่ละด้านเป็นพิเศษ เช่นคุณ Kota Takahashi สนใจเรื่อง Growth ก็โฟกัสด้าน Growth ไปเลยโดยตรง เป็นต้น
ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน
NIFCO(7988.TSE) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชิ้นส่วนพลาสติกในรถยนต์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ปัจจุบันเริ่มหันไปทำวาล์วระบายแรงดันสำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ EV ลูกค้ามีทั้งแบรนด์ชั้นนำของโลกอย่าง BYD Tesla หรือแบรนด์ชั้นนำญี่ปุ่นอย่าง Hona
IBIDEN(4062.TSE) ผู้เชี่ยวชาญด้านการประกอบแผงวงจรไฟฟ้า โดยคาดการณ์ว่าบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของ Cloud และการมาของ AI ทำให้ทำยอดขายได้มากขึ้น ลูกค้าหลักคือ Apple Intel
⭐ มาถึงตรงนี้ เห็นโอกาสดีๆ รออยู่แล้วใช่ไหม หากอดใจไม่ไหว สามารถลงทุนผ่าน Schroder ISF Japanese Eq A Acc USD Hdg ที่แอป FinVest ได้เลย ⭐
┏━━━━━━━━━━━━━┓
💫FinVest แอปลงทุนแบบใหม่ ที่ได้รวบรวมกองทุนทั่วโลก มาให้คุณเลือกกองทุนที่เหมาะสม และตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ได้ง่าย ๆ
⭐️ลงทุนได้ทั้งไทยและเทศ แอปแรกในไทย ให้คุณลงทุนได้จาก 42 บลจ. ชั้นนำ
⭐️ใช้งานง่าย เริ่มต้นแค่มือถือเครื่องเดียว ทำได้ตั้งแต่เปิดบัญชียันซื้อขายง่ายแค่ปลายนิ้ว
⭐️เคียงข้างคุณ มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยอัปเดตสภาพตลาด รวมถึงชี้เป้าการลงทุน
เริ่มลงทุน – แอป FinVest
สอบถาม – Line
ติดตาม – Instagram
อ่านบทความ – Website
┗━━━━━━━━━━━━━┛
#FinVest #YourWingsYourWays #Japan
อ้างอิง: Schroders
*ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
**การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน