ผลตอบแทนย้อนหลัง ตลาดไหนชนะ ตลาดไหนแพ้?

ผลตอบแทนย้อนหลัง ตลาดไหนชนะ ตลาดไหนแพ้?

จากตอนก่อนหน้า อยากรู้ว่ากองทุนลงทุนอะไรได้บ้าง? เราจะเห็นว่า กองทุนรวมได้ถูกจัดแบ่งหมวดหมู่ออกเป็นหลายกลุ่ม หลายประเภท แล้วเราจะหากองทุนที่เหมาะกับเราได้อย่างไร?

┏━━━━━━━━━━━━━┓

🍭DCA ที่ FinVest เจ๋งอย่างไร? กดดูเลย👆

🍭มัดรวมโปรโมชันกองทุนหลายต่อ ที่เดียวจบ อ่านเพิ่มเติม👆

┗━━━━━━━━━━━━━┛

ผลตอบแทนย้อนหลัง ตลาดไหนชนะ ตลาดไหนแพ้?

หนึ่งในวิธีการเลือกกองทุนที่เข้ากับเราคือ เลือกกองทุนให้เหมาะกับผลตอบแทนที่เราต้องการ

เราลองมาดูผลตอบแทนของแต่ละสินทรัพย์ ตั้งแต่มีข้อมูล อย่างน้อยๆ ให้ข้ามวิกฤตแฮมเบอเกอร์ ว่าผลตอบแทนเป็นอย่างไร

ในที่นี้เราใช้อ้างอิงจากแต่ละดัชนีซึ่งยังไม่ได้มีการคิดค่าธรรมเนียมต่างๆ อัตราแลกเปลี่ยน และผลตอบแทนที่ทำได้ของกองทุน อาจไม่ใช่ตัวเลขเป๊ะๆ ตามที่แสดง

ผลตอบแทนย้อนหลัง ตลาดไหนชนะ ตลาดไหนแพ้?

จากภาพจะเห็นว่า

  • หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ระยะยาวยังทำผลตอบแทนได้สูงทีเดียว
  • ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนสูงเช่นเดียวกัน
  • หุ้นญี่ปุ่นและหุ้นยุโรปให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่ใช้ได้

อันนี้คือภาพอดีตกว้างๆ ที่เราย้อนกลับไปให้เห็น ลองซูมเข้ามายังภาพอดีตที่ใกล้เข้ามาหน่อยคือผลตอบแทนระยะ 5 ปีดีกว่า ว่าเป็นอย่างไร

มาดูกันดีกว่า ว่าตลาดไหนรอด ตลาดไหนร่วง 

ผลตอบแทนย้อนหลัง ตลาดไหนชนะ ตลาดไหนแพ้?

จากภาพจะเห็นว่า 

  • ถ้าอยากได้ผลตอบแทนดีที่สุด อาจจะต้องเลือกลงทุนในหุ้น ตามมาด้วยตราสารหนี้
  • หุ้นสหรัฐฯ นำโดยหุ้นเทคฯ ทำผลตอบแทนระยะ 5 ปีได้ค่อนข้างดี และสม่ำเสมอ เมื่อพิจารณาประกอบกับภาพที่แล้ว
  • หุ้นไทย ถือมา 5 ปี ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.7% แตกต่างจากผลตอบแทนระยะยาวในอดีตที่เคยให้เป็นอย่างมาก
  • บางทีถือยาวอาจไม่ได้แปลว่าไม่ขาดทุน ยกตัวอย่างหุ้นจีนที่ผลตอบแทน 5 ปี ติดลบอยู่ 7%
  • 5 ปีที่ผ่านมาอาจไม่ใช่ช่วงที่ดีของตราสารหนี้เท่าไร 

ทั้งนี้การลงทุน การศึกษาอดีตเป็นเรื่องดี แต่จะมองย้อนอดีตอย่างเดียว คงไม่พอ ต้องมองไปข้างหน้าด้วย

การลงทุนเหมือนการขับรถ มองกระจกหลังได้ แต่มองไปข้างหน้าด้วย

ถ้าเรามองย้อนไปที่ผลตอบแทนเฉลี่ยในอดีต คงจะคิดว่าการลงทุนในหุ้นไทยเป็นทางเลือกที่ดี 

หากเราลองหยิบกราฟราคาดัชนีหุ้นไทยมาเปิดดู จะพบว่า มันแกว่งในกรอบมานาน และไม่ไปไหนสักที

ถ้าไม่เชื่อลองเปิดกราฟ SET ไม่ก็ MAI ย้อนหลังดูสัก 10-20 ปีก็ได้ครับ แต่ไม่ได้จะมาโจมตีว่าตลาดหุ้นบ้านเราไม่ดี อย่าเข้าใจผิด เพราะว่าในฐานะนักลงทุนที่ดี หน้าที่ของเราคือการหาโอกาสที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ในความเสี่ยงที่เรารับได้

และถ้าอยากให้ได้ผลตอบแทนที่ดี เราต้องมองไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันการขาดทุนหนักผ่านการมองกระจกหลังด้วย

ยกตัวอย่างสินทรัพย์ตราสารหนี้ที่ 5 ปีที่แล้วอยู่ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ ถ้าเราลงทุนในตราสารหนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ผลตอบแทนอาจดูไม่ดีนัก

แต่สภาวะแวดล้อมวันนี้ที่ดอกเบี้ยสูงมาก ตราสารหนี้กลายเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจลงทุนเป็นอย่างยิ่ง

เอาเป็นว่า โดยสรุป ถ้าอยากลงทุนให้ได้ผลตอบแทนดีๆ เราต้องพยายามคิด พยายามมองไปในอนาคต แล้วทำการค้นหาว่า การเติบโตจะไปอยู่ที่ไหน เราควรจะเอาเงินไปฝากไว้ตรงนั้น

ในทำนองเดียวกัน ถ้าตรงไหนมันเสี่ยงแบบคำนวณไม่ได้ เราก็ไม่ควรเอาเงินไปกองไว้ตรงนั้น

แล้วอยากรู้ว่าที่ไหนจะมีการเติบโตดีๆ มีมาพร้อมผลตอบแทน ต้องไปหาที่ไหน?

FinVest จะช่วยชี้เป้าหาผลตอบแทนที่โตดีให้เอง รวมถึงมาบอกสภาวะทางเศรษฐกิจต่างๆ ว่าตอนนี้เหมาะกับการลงทุนอะไรให้ด้วย ติดตามกันได้เลยครับ

┏━━━━━━━━━━━━━┓

💫FinVest แอปลงทุนแบบใหม่ ที่ได้รวบรวมกองทุนทั่วโลก มาให้คุณเลือกกองทุนที่เหมาะสม และตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ได้ง่าย ๆ

⭐️ลงทุนได้ทั้งไทยและเทศ แอปแรกในไทย ให้คุณลงทุนได้จาก 42 บลจ. ชั้นนำ

⭐️ใช้งานง่าย เริ่มต้นแค่มือถือเครื่องเดียว ทำได้ตั้งแต่เปิดบัญชียันซื้อขายง่ายแค่ปลายนิ้ว

⭐️เคียงข้างคุณ มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยอัปเดตสภาพตลาด รวมถึงชี้เป้าการลงทุน

🔗เริ่มลงทุน – แอป FinVest

🔗สอบถาม – Line

🔗ติดตาม – Instagram

🔗อ่านบทความ – Website

┗━━━━━━━━━━━━━┛

#FinVest #YourWingsYourWays 

หุ้นเทคฯ สหรัฐฯ ใช้ Nasdaq Composite 

หุ้นไทย ใช้ SET 

หุ้นสหรัฐฯ ใช้ S&P 500 

หุ้นยุโรป ใช้ STOXX Europe 600 

หุ้นญี่ปุ่น ใช้ Nikkei 225 

หุ้นอินเดีย ใช้ Nifty 50 

ทองคำ ใช้ Gold Spot

ตราสารหนี้สหรัฐฯ ใช้ S&P U.S. Aggregate Bond

หุ้นจีน ใช้ MSCI China 

ข้อมูล ณ สิ้น พ.ค. 2023

*ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต

**การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

Related Posts