จักรวาลการลงทุนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล กระทู้นั้นก็บอกว่าหุ้นดี คอมเมนต์นี้ก็บอกว่าให้ไปลงทุนกองทุน โพสต์นู้นก็บอกว่าให้ไปซื้ออสังหา ดาราคนนั้นก็บอกว่าต้องกระเป๋าแบรนด์เนม
แล้วแบบนี้จะเลือกอย่างไร?
เอาเข้าจริงแล้วการลงทุนไม่ต่างอะไรกับการเลือกเสื้อผ้า มันไม่มีสูตรสำเร็จว่าใครต้องแต่งตัวแบบไหน มีแค่เลือกให้เหมาะกับรูปแบบการแต่งตัวของเรา
แล้วดูอย่างไรว่า เราเหมาะกับลงทุนอะไร?
┏━━━━━━━━━━━━━┓
🍭DCA ที่ FinVest เจ๋งอย่างไร? กดดูเลย👆
🍭มัดรวมโปรโมชันกองทุนหลายต่อ ที่เดียวจบ อ่านเพิ่มเติม👆
┗━━━━━━━━━━━━━┛
🧠 ความสามารถของเรา
อย่างแรกที่ต้องคำนึกถึงมากๆ เลยคือความรู้ความเข้าใจของเรา บางคนเคยทำธุรกิจมาก่อน การลงทุนในธุรกิจอาจจะเหมาะกว่าการไปซื้ออสังหาฯ
ในทางกลับกัน คนที่เดินดูบ้านดูคอนโดบ่อยๆ อาจจะมีความรู้ความเข้าใจการซื้ออสังหามากกว่าฯ
หรือบางคนยังสนุกและยังอยากเติบโตกับสายงานประจำที่ทำอยู่ แต่อยากลงทุนไปด้วย อาจจะใช้กองทุนรวมที่มีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพเก่งๆ ดูแลเงินให้ ก็ทำได้
จุดสำคัญคืออยากให้ทุกคนใจเย็นๆ ลองนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเข้าใจและทำได้ดีก่อน ไม่ต้องรีบ เพราะถ้ารีบกระโดดเข้ามาลงทุนเลย สุดท้ายเงินลงทุนอาจจะกลายเป็นเงินที่ทำให้ทุนลดลงก็ได้ครับ
⏳ เวลาที่ใช้
การลงทุนแต่ละแบบอาศัยเวลาในการศึกษาไม่เหมือนกัน สำหรับคนที่ชอบซื้ออสังหาฯ อาจจะต้องใช้เวลาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ในการไปตระเวนดูสินทรัพย์ที่อยากได้
หรือคนที่ลงทุนหุ้นรายตัวอาจจะต้องใช้เวลาในการอ่านรายงานประจำปี เพื่อทำความเข้าใจตัวธุรกิจ
แต่สำหรับใครที่อยากลงทุนแต่ไม่อยากลงเวลามากการเลือกกองทุนรวมอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะมีทีมงานจัดการให้โดยเฉพาะครับ
🔧 ความสามารถในการเข้าถึง
ของบางอย่างอาจจะต้องใช้ความรู้ ความสามารถในการเข้าถึง ยกตัวอย่างเช่นงานศิลปะ ที่กว่าจะได้เข้าไปเป็นผู้ร่วมประมูล อาจจะต้องมีฐานะทางสังคมสักหน่อยถึงจะมีสิทธิ หรือการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านเพื่อปล่อยเช่าอาจจะต้องอาศัย Statement ประกอบด้วยทำให้คนที่ทำงานประจำได้เปรียบกว่า
ในทางกลับกันการลงทุนบางอย่างเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ลงทุนได้ อย่างเช่นกองทุนรวมเป็นต้น
🌊 สภาพคล่อง
อีกเรื่องที่ไม่ดูไม่ได้เลยคือสภาพคล่อง เพราะเวลาเราอยากขายบางทีอาจจะขายไม่ได้ ไม่ใช่ว่าของทุกชิ้นในโลกจะขายออกไวได้เท่าๆ กัน บ้านหนึ่งหลังกว่าจะขายออกอาจจะต้องใช้เวลานาน ในทางตรงกันข้าม ของที่อยู่ในตลาดทุนอย่างหุ้นหรือกองทุนรวมนั้นถ้าเราอยากขายเมื่อไรก็ขายได้เลยครับ ไม่ต้องรอ ขอแค่ขายในเวลาทำการเท่านั้นก็พอครับ
👝 เงินลงทุนขั้นต่ำ
การลงทุนบางอย่างอาจจะเป็นการลงทุนที่ฟังดูได้กำไรง่าย กำไรดี อย่างการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมาเพื่อขายต่อ แต่การลงทุนในลักษณะนี้อาจจะใช้เงินต้นค่อนข้างเยอะในการลงทุน แต่ถ้าเป็นหุ้นปัจจุบันหยิบแบงก์พันมาก็สามารถลงทุนได้ครับ แต่กองทุนรวมอาจจะดีกว่าหน่อยตรงที่ปัจจุบันเริ่มมีบางกองที่ให้ลงทุนได้เพียงแค่ใช้เงินบาทเดียว
⚖️ ความเสี่ยงจากการไม่กระจายการลงทุน
ความเสี่ยงกับผลตอบแทนเป็นเหมือนสองด้านของเหรียญที่ยังไงก็ต้องมาคู่กัน และสินทรัพย์แต่ละอย่างย่อมมีความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน
แต่ความเสี่ยงที่จะพูดถึงคราวนี้คือความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนแบบกระจุกตัว ยกตัวอย่างเช่นถ้าเรานำเงินลงทุนทั้งหมด 100% ไปลงทุนในหุ้นตัวเดียว ถ้าบังเอิญว่าหุ้นที่เราเลือกเป็นหุ้นที่ดีก็ดีไป แต่ถ้าบังเอิ๊ญบังเอิญว่าหุ้นที่เราเลือกนั้นกลายเป็นหุ้นที่ฉ้อโกง เงินทั้งหมดก็หายวับไปกับตาได้
ดังนั้นการกระจายการลงทุนจึงเป็นอะไรที่สำคัญมากในโลกของการลงทุน และจุดนี้กองทุนรวมทำได้ดีกว่าตรงที่มีการกระจายความเสี่ยงให้ผู้ลงทุน โดยผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้เลือกสินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยงให้
สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นลงทุน แต่ไม่รู้จะไปทางไหน ทุกอย่างดูยุ่งยากวุ่นวายไปหมด เราขอแนะนำให้ทุกคนติดตามซีรีส์ FinTip จากพวกเรา FinVest ที่เขียนมาเพื่อผู้เริ่มต้นโดยเฉพาะ ไม่มีศัพท์แสงยาก ๆ ให้ปวดหัวแน่นอน รับรองว่าถ้าอ่านครบทุกตอน อดใจไม่ไหวทำให้เริ่มลงทุน
┏━━━━━━━━━━━━━┓
💫FinVest แอปลงทุนแบบใหม่ ที่ได้รวบรวมกองทุนทั่วโลก มาให้คุณเลือกกองทุนที่เหมาะสม และตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ได้ง่าย ๆ
⭐️ลงทุนได้ทั้งไทยและเทศ แอปแรกในไทย ให้คุณลงทุนได้จาก 42 บลจ. ชั้นนำ
⭐️ใช้งานง่าย เริ่มต้นแค่มือถือเครื่องเดียว ทำได้ตั้งแต่เปิดบัญชียันซื้อขายง่ายแค่ปลายนิ้ว
⭐️เคียงข้างคุณ มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยอัปเดตสภาพตลาด รวมถึงชี้เป้าการลงทุน
เริ่มลงทุน – แอป FinVest
สอบถาม – Line
ติดตาม – Instagram
อ่านบทความ – Website
┗━━━━━━━━━━━━━┛
#FinVest #YourWingsYourWays