💸มุมมองหลักของ BlackRock ปีนี้คือ “อยู่ร่วมกับเงินเฟ้อให้ได้”
ถ้าให้สรุป Outlook ของทาง Blackrock สั้น ๆ คงไม่มีคำไหนนิยามได้ดีเท่ากับคำว่า “อยู่ร่วมกับเงินเฟ้อให้ได้”
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? ทาง BlackRock เองมองว่า ภาวะเงินเฟ้อยังจะคงอยู่ไปอีกสักระยะ แต่ที่น่ากังวลกว่าคือทาง BlackRock ให้มุมมองว่า เป็นไปได้ยากที่เงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะลงไปที่ระดับ 2% เหมือนเดิม โดยตัวเร่งมาจาก 3 องค์ประกอบ ได้แก่
- การเต็มไปด้วยแรงงานสูงอายุ
- ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างจีนและสหรัฐฯ และ
- การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานที่รวดเร็ว
ตัวเร่งแรกคือ การเต็มไปด้วยแรงงานสูงอายุ เพราะแปลว่าสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่การขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากแรงงานเก่าเกษียณไป ในขณะที่แรงงานใหม่ไม่กลับเข้ามา ทั้งนี้การขาดแคลนแรงงานส่งผลไปยังการเติบโตของเศรษฐกิจที่ต่ำลง และจะทำให้เงินเฟ้อยังคงอยู่
ตัวเร่งถัดมาได้แก่ ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ ตรงนี้ขอสรุปสั้น ๆ ว่าการที่สหรัฐฯ ไล่แบนจีนต่าง ๆ ส่งผลให้จีนลดความสนใจในการเติบโตของ GDP ลง แล้วหันไปสนใจการพึ่งพาตนเองมากขึ้น
ซึ่งการที่จีนไปโฟกัสเส้นทางนั้น ย่อมหมายถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปัญหาเงินเฟ้อจะยังไม่คลี่คลาย เพราะอย่าลืมว่าจีนเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก
ตัวเร่งสุดท้าย การเปลี่ยนผ่านพลังงานที่รวดเร็ว ข้อนี้ฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่อย่าลืมว่าในช่วงที่กำลังเปลี่ยนผ่าน พลังงานดั้งเดิมยังมีความจำเป็นอยู่ และถ้าระหว่างนั้นกำลังการผลิตของพลังงานดั้งเดิมปรับตัวลง ในขณะที่การเติมเต็มจากพลังงานสะอาดเข้ามาไม่เพียงพอ ความไม่สอดคล้องดังกล่าวสามารถก่อให้เกิดต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และเหมือนที่รู้ ๆ กันว่าต้นทุนพลังงานคือสาเหตุหลักของเงินเฟ้อ
ผลกระทบทั้งหมดที่ว่ามาล้วนส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างจริงจัง การบริโภคที่ชะลอตัวส่งผลต่อการจ้างงานใหม่ หรือแม้กระทั่งลดคนออก ดอกเบี้ยที่สูงส่งผลโดยตรงต่อยอดขายบ้านเนื่องจากดอกเบี้ยผ่อนชำระที่สูงขึ้น
จุดที่ Blackrock เน้นย้ำว่าต้องระวังเป็นพิเศษคือการที่ปัจจัยลบยังไม่ได้สะท้อนไปในราคาหุ้น เท่านั้นยังไม่พอ มันยังไม่ได้สะท้อนไปยังการประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ หรือแม้กระทั่งผลประกอบการจริงในไตรมาสถัด ๆ ไปที่กำลังจะมาถึง
ทว่าด้วยความที่ภาคเศรษฐกิจจริงกำลังเผชิญปัญหาอย่างหนัก ทำให้ธนาคารกลางไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปได้แล้ว กล่าวโดยสรุป BlackRock มองว่าตอนนี้ยังอยู่ในภาวะ Risk Off และมองว่าตลาดหุ้นยังรับปัจจัยลบไม่หมด
แล้วแบบนี้จะลงทุนอย่างไรดี เราขอสรุปแนวทางการลงทุนจาก BlackRock ไว้ให้สองข้อครับ
💸กลยุทธ์การลงทุนในภาวะเงินเฟ้อ
💸กลุ่มตราสารหนี้ – ชอบ Investment Grade
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตราสารหนี้เป็นสินทรัพย์ที่ทำผลตอบแทนได้ไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ด้วยผลพวงจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ทำให้ตราสารหนี้แทบจะเรียกได้ว่าฟื้นคืนชีพจากหลุม กลับกลายมาเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจอีกครั้ง
แต่ตราสารหนี้มีมากมายหลายประเภท เลือกอย่างไรดี? BlackRock มองไปที่ตราสารหนี้กลุ่ม Investment Grade เหตุผลเพราะมองว่าไหน ๆ ดอกเบี้ยก็ขึ้นทั้งที จะให้ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ อาจจะไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงสักเท่าไร อย่างไรก็ตาม BlackRock มองว่าการลงทุนตราสารหนี้กลุ่มนี้ไม่ใช่ว่าจะลงบริษัทไหนก็ได้ แต่ต้องลงในบริษัทที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องยังดีแม้ในภาวะเงินเฟ้อ
💸กลุ่มตราสารทุน ชอบกลุ่ม Healthcare และ Sustainable Energy
ในส่วนของตราสารทุน BlackRock มองว่า อุตสาหกรรมที่มีอำนาจกำหนดราคาจะโดดเด่นในภาวะเงินเฟ้อ และอุตสาหกรรมที่ว่าคือกลุ่ม Healthcare ที่มีอำนาจต่อรองกับผู้บริโภค และ จุดเด่นที่สำคัญอีกคือในช่วงวิกฤต 5 ครั้งหลังสุด ทุกครั้งหุ้นกลุ่มนี้มักปรับตัวลงน้อยกว่าตลาดเสมอ
ส่วนกลุ่ม Sustainable Energy เป็นกลุ่มที่ได้แรงหนุนจากนโยบายของภาครัฐของชาติมหาอำนาจที่ต้องการเร่งการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ Net-Zero ทั้งนี้ BlackRock ยังให้มุมมองว่าเงินที่รัฐบาลปัจจุบันลงทุนในการเปลี่ยนผ่านนั้นยังไม่เพียงพอ ซึ่งช่องว่างดังกล่าวขนาดใหญ่ถึง 15 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
💸กองทุนแนะนำจากทาง BlackRock
💸ธีม Healthcare
แนะนำ MHEALTHG, MHEALTHSSF, MHEALTHRMF หรือ BGF World Healthscience A2
กองทุนลงทุนใน 4 กลุ่มเด่นในหมวดอุตสาหกรรมการแพทย์ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ กลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทั้งนี้ทีมบริหารการลงทุนไม่ได้มีแค่ความรู้ด้านการเงินการลงทุนเท่านั้น แต่ยังมีความเชี่ยวชาญทางด้าน Biochemistry, Biophysics, Chemistry, และ Molecular medicine อีกด้วย
💸ธีม Sustainable Energy
แนะนำ MRENEW, MRENEW-SSF, MRENEWRMF หรือ BGF Sustainable Energy A2
กองทุนมีจุดเด่นคือคัดสรรหุ้นในหลากหลายธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม วัดความยั่งยืนด้วยหลักการ ESG และยังกระจายการลงทุนไปยัง 3 กลุ่มคือ Clean Power, Energy Efficiency และ Clean Transportation
💸ธีมตราสารหนี้จีน
แนะนำ KT-CHINABOND-A หรือ KT-CHINABOND-SSF
KT-CHINABOND ลงทุนผ่าน BGF China Bond Fund ที่กระจายการลงทุนในตราสารหนี้จีนหลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่พันธบัตรรัฐบาลไปจนกระทั่งตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยจุดเด่นคือผลตอบแทนมีความสัมพันธ์กับตราสารหนี้ในภูมิภาคอื่นต่ำ รวมถึงลงทุนได้ทั้งฝั่ง Onshore และ Offshore
💸ธีมให้ BlackRock จัดพอร์ตให้เลย
แนะนำ KKP INCOME-H หรือ KKP INCOME-H-SSF
ลงทุนผ่าน BGF Global Multi-Asset Income Fund ที่มีนโยบายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ตามสภาพตลาด ไม่ว่าจะเป็น ตราสารทุน ตราสารที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุน ตราสารหนี้ หน่วยลงทุนของกองทุนรวม ตราสารตลาดเงิน เงินฝาก และเงินสด จุดเด่นของกองคือทาง BlackRock ปรับพอร์ตแต่ละสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับสภาพตลาดปัจจุบัน
┏━━━━━━━━━━━━━┓
💫FinVest แอปลงทุนแบบใหม่ ที่ได้รวบรวมกองทุนทั่วโลก มาให้คุณเลือกกองทุนที่เหมาะสม และตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ได้ง่าย ๆ
⭐️ลงทุนได้ทั้งไทยและเทศ แอปแรกในไทย ให้คุณลงทุนได้จาก 39+ บลจ. ชั้นนำ
⭐️ใช้งานง่าย เริ่มต้นแค่มือถือเครื่องเดียว ทำได้ตั้งแต่เปิดบัญชียันซื้อขายง่ายแค่ปลายนิ้ว
⭐️เคียงข้างคุณ มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยอัปเดตสภาพตลาด รวมถึงชี้เป้าการลงทุน
🔗เริ่มลงทุน – แอป FinVest https://finve.st/82bxs
🔗สอบถาม – Line https://finve.st/v2nxq
🔗ติดตาม – Instagram https://finve.st/710rb
🔗อ่านบทความ – Website https://finve.st/4datg
┗━━━━━━━━━━━━━┛
#FinVest #YourWingsYourWays #BlackRock #MFC #KKPAM #KTAM
อ้างอิง
https://www.blackrock.com/corporate/literature/whitepaper/bii-global-outlook-2023.pdf
*ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
**การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน