ใครถือกองทุน Pimco ต้องรู้ ตราสารหนี้ AT1 ของ Credit Suisse คืออะไร ทำไมมูลค่าเป็นศูนย์ได้ แล้วถือได้ต่อหรือพอแค่นี้? โดย FinVest
เมื่อกิจการหนึ่งล้มลง ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับผลชดเชยหลังผู้ถือตราสารหนี้เสมอ แต่ไม่ใช่กับกรณีของ Credit Suisse ที่ ณ ตอนนี้ ผู้ถือ CoCo Bond ถูกบันทึกลดมูลค่า (Write-Down) จนมูลค่าเป็นศูนย์ ในขณะที่ผู้ถือหุ้นกลับได้รับสิทธิชดเชยก่อน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร FinVest จะเล่าให้ฟัง
1.ในปี 2009 หลังจากวิกฤตซับไพร์ม เกณฑ์ Basel III ได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อควบคุมเสถียรภาพของธนาคารหลังจากการล้มของธนาคาร Lehman Brothers และธนาคารอื่นๆ
2.ถ้าให้พูดถึงเกณฑ์ของ Basel แบบสั้นๆ มันคือกติการ่วมกันระหว่างธนาคารในการจัดตั้งเงินกองทุนสำรอง เพื่อให้ธนาคารสามารถรองรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินงาน ซึ่งก็มีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย จนมาถึงตัว Basel III
จุดที่ Basel III ถูกพัฒนาขึ้นมาเนื่องจากในตอนที่ธนาคารต่างๆ ล้มในวิกฤตซับไพร์ม สาเหตุมาจากการขาดสภาพคล่องนั่นเอง ลองจินตนาการง่ายๆ ว่าสภาพคล่องของธนาคารคือน้ำมันของเครื่องบิน ต่อให้เครื่องบินของคุณทำมาแข็งแรงแค่ไหน แต่ถ้าสภาพคล่องหมด เครื่องบินก็ตกอยู่ดี
หลักเกณฑ์ดังกล่าวกำหนดให้ธนาคารต้องแบ่งสัดส่วนประเภทของเงินกองทุนของธนาคารให้ชัดเจน เพราะธนาคารต้องใช้สำหรับการดำเนินธุรกิจ ถ้าไม่มีการจัดการตรงนี้ให้ดีอาจจะก่อให้เกิดปัญหาในภายหลัง
ซึ่งในหลัก Basel III ได้มองว่า ถ้าธนาคารไหนมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงมาก ย่อมมีเสถียรภาพมากกว่า แต่คำถามต่อมาคือสินทรัพย์ใดบ้างที่จะถูกนิยามเป็นเงินกองทุน
3.ทำให้เงินกองทุนถูกแบ่งเป็นชั้น ๆ (Tier) ตามความเสี่ยง และถ้าหากธนาคารเกิดปัญหา เงินกองทุนส่วนที่อยู่ล่างสุด จะโดนตัดจำหน่ายก่อน เพื่อให้ธนาคารยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งชั้นล่างสุดเราเรียกว่า Common Equity Tier 1 (CET1) ที่ส่วนใหญ่ทางบัญชีมักจะเป็นส่วนทุน ยกตัวอย่างเช่น หุ้นสามัญ หรือกำไรสะสม
4.ส่วนชั้นถัดมาเรียกว่า Supplementary หรือ Tier 2 สินทรัพย์ในชั้นนี้ หมายรวมตราสารหนี้ด้อยสิทธิ์ที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขมากมาย เช่น มีกำหนดไถ่ถอนเมื่ออายุเกิน 5 ปี และเมื่อเกิดปัญหาธนาคารไม่สามารถดำเนินการได้ หุ้นกู้ประเภทนี้อาจถูกตัดจำหน่ายเป็นหนี้สูญ ลดมูลค่า หรือแปลงเป็นหุ้นสามัญ จนกว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากทางการ
5.โดยระหว่าง Tier 1 และ Tier 2 เองก็มีชั้นลอยกั้นอยู่ ซึ่งชั้นลอยที่ว่านี้เราจะเรียกว่า Addtional Tier 1 (AT1) โดยสินทรัพย์ในชั้นลอยนี้ หมายรวม หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีอายุชั่วนิรันด์ แต่ผู้ออกมีสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด เมื่อผ่านไป 5 ปี
6.ซึ่ง Coco Bond หรือชื่อเต็มคือ Contingent Convertible Bond ที่เราพูดถึงก่อนหน้านี้ เป็นสินทรัพย์ที่อยู่บนชั้นลอย AT1 นี้เช่นกัน ส่วนสาเหตุที่เรามักได้ยินคนเรียกตราสารชนิดนี้ว่า Basel III Bond เนื่องมาจากหุ้นกู้ดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นเพื่อมาช่วยธนาคารในช่วงที่เกณฑ์ Basel III นั่นเอง
7.แล้ว CoCo Bond ช่วยธนาคารได้อย่างไร? ในทางทฤษฎี เมื่อธนาคารเกิดวิกฤตจนสัดส่วนเงินทุน CET 1 ต่ำกว่าเกณฑ์จนถึงจุด Trigger Point ตัวของ CoCo Bond AT1 จะถูกแปลงเป็นส่วนของทุน โดยไม่ต้องรอให้ทางการตัดสินใจเข้าให้การช่วยเหลือ ทั้งนี้เพื่อให้ส่วนของทุนกลับมาปกติ หรือในบางกรณีที่เลวร้ายกว่านั้นอาจจะจะถูกลดมูลค่าหรือตัดเป็นหนี้สูญได้เช่นกัน ซึ่งเงื่อนไขนั้นขึ้นอยู่กับว่าผู้ออกกำหนดไว้ว่าอย่างไร
8.คำถามคือทำไมนักลงทุนถึงยังเลือกลงทุนในตราสารหนี้ AT1 ทั้งๆ ที่มีโอกาสถูกบันทึกมูลค่าเป็นศูนย์ เหตุผลเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าการลงทุนในธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะเจ้าใหญ่ๆ นั้น แทบจะไม่มีความเสี่ยง มากไปกว่านั้น ตราสารหนี้พวกนี้ยังดึงดูดนักลงทุนด้วยผลตอบแทนที่ดีกว่าตราสารหนี้ปกติของธนาคารอีกด้วย ลองคิดตามง่ายๆ ว่าถ้าย้อนกลับไปสัก 5 ปีที่แล้ว จู่ๆ มีคนออกมาบอกว่า Credit Suisse จะล้ม คงไม่มีใครเชื่อแน่ ดังนั้นการซื้อ Coco Bond ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
9.ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน Credit Suisse อยู่ในสภาวะที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจพร้อมสายระโยงระยางรอบตัว เรียกว่าโอกาสรอดน้อยมาก เมื่อถึงจุดนี้ใครๆ ต่างก็คิดว่า ถ้าธนาคารเก่าแก่อายุกว่า 168 ปีแห่งนี้ล้ม ยังไงเสียผู้ถือหุ้นต้องรับผิดชอบก่อนผู้ถือตราสารหนี้อยู่แล้ว
10.แต่หลังจากที่ UBS ธนาคารเพื่อนร่วมชาติตัดสินใจเชิงถูกบังคับจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ให้เข้าไปอุ้ม Credit Suisse สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ UBS ตัดจำหน่ายตราสารหนี้ AT1 ของ Credit Suisse ทันทีเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของ UBS เอาไว้ ส่งผลให้ตราสารหนี้มูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ กลายเป็นศูนย์ในทันที
11.เรื่องดังกล่าวจะไม่แปลกเลยถ้าผู้ถือหุ้นถูกทำแบบเดียวกัน ทว่าผู้ถือหุ้น Credit Suisse กลับได้รับเงินชดเชย 0.8191 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ประเด็นนี้เองทำให้ผู้ถือตราสารหนี้ AT1 ต่างไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
12.ถึงแม้ว่าในตอนที่ Credit Suisse ได้ออกตราสารหนี้ AT1 ได้ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าถ้าธนาคารเกิดปัญหา ตราสารหนี้เหล่านี้จะถูก Permanent Write-Down ทันที แต่ด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรมที่ผู้ถือหุ้นได้รับการชดเชย ทำให้กลุ่มนักลงทุนที่ถือตราสารหนี้ AT1 ก็กำลังเตรียมยื่นเรื่องต่อศาลถึงเรื่องที้เกิดขึ้น
13.คำถามถัดมาคือกระทบกับนักลงทุนอย่างเราหรือไม่? สำหรับ FinVest ตอนนี้แล้ว สิ่งแรกที่เรานึกถึงและเป็นกังวลที่สุดคือลูกค้าของเราว่ามีกองทุนใดบ้างที่ถือสถานะในตราสารหนี้ AT1 ของ Credit Suisse บ้าง
14.จากการรวบรวมข้อมูลของเรา พบว่า เจ้าที่มีการถือตราสารหนี้ดังกล่าวเยอะที่สุดในโลก ได้แก่ PIMCO ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทจัดการลงทุนแห่งนี้เองก็เป็น Master Fund ให้กับกองทุนตราสารหนี้บ้านเราหลายกองทุนเช่นกัน
15.ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า PIMCO ถือตราสารหนี้ทั้ง AT1 และ ที่ไม่ด้อยสิทธิ ของ Credit Suisse มูลค่าเกือบๆ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขอาจจะดูเหมือนเยอะ แต่ถ้าเทียบสัดส่วนจากสินทรัพย์ทั้งหมดที่ PIMCO บริหาร (Asset Under Managenet) กว่า 1.74 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ก็จะถูกคิดเป็น 0.22% ของสินทรัพย์ทั้งหมดเท่านั้น ขอให้นักลงทุนทุกท่านสบายใจได้
16.ทั้งนี้ FinVest ได้รวบรวมกองทุนของ PIMCO ที่มีการลงทุนในตราสารหนี้ AT1 ของ Credit Suisse รวมไปถึงกองทุนในบ้านเราที่มีการลงทุนใน Master Fund เหล่านี้ให้แล้ว
โดยรายชื่อกองทุนที่ได้รับผลกระทบ (มูลค่าหายไป) มีดังนี้ (เรียงจากผลกระทบมากที่สุดไปน้อยที่สุด)
1.กองทุน Master Fund: PIMCO GIS Capital Securities Fund เน้นลงทุนในตราสารหนี้ด้อยสิทธิ รวมถึง CoCos
สัดส่วนที่ลงทุนใน AT1 ของ Credit Suisse 3.49% (ณ สิ้น ธ.ค. 2022)
กองทุน Feeder Fund ที่ได้รับผลกระทบ:
2.กองทุน Master Fund: PIMCO GIS Income Fund เน้นลงทุนในตราสารที่สร้างกระแสรายได้
สัดส่วนที่ลงทุนใน AT1 ของ Credit Suisse ของ Credit Suisse 0.19% (ณ สิ้น ก.พ. 2023)
กองทุน Feeder Fund ที่ได้รับผลกระทบ:
-SCBINC
-UGIS
-KF-SINCOME
-KF-CSINCOM
-PRINCIPAL GFIXED
-TMBGINCOME
3.กองทุน Master Fund: PIMCO Global Investment Grade Credit เน้นลงทุนในตราสารหนี้อันดับเครดิตน่าลงทุนทั่วโลก
สัดส่วนที่ลงทุนใน AT1 ของ Credit Suisse ของ Credit Suisse 0.17% (ณ สิ้น ธ.ค. 2022)
กองทุน Feeder Fund ที่ได้รับผลกระทบ:
-SCBGSIFUND
4.กองทุน Master Fund: PIMCO GIS Diversified Income Fund เน้นลงทุนในตราสารเครดิตทั่วโลกทั้งบริษัทเอกชนและตลาดเกิดใหม่
สัดส่วนที่ลงทุนใน AT1 ของ Credit Suisse Credit Suisse 0.10% (ณ สิ้น ก.พ. 2023)
กองทุน Feeder Fund ที่ได้รับผลกระทบ:
5.กองทุน Master Fund: PIMCO GIS Dynamic Multi-Asset Fund เน้นลงทุนในหลากหลายประเภทตราสารทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารเครดิต ดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และ สินทรัพย์ที่แท้จริง
สัดส่วนที่ลงทุนใน AT1 ของ Credit Suisse ของ Credit Suisse 0.06% (ณ สิ้น ธ.ค. 2022)
กองทุน Feeder Fund ที่ได้รับผลกระทบ:
6.กองทุน Master Fund: PIMCO GIS Global Bond Fund เน้นลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอของตราสารหนี้กลุ่มอันดับเครดิตน่าลงทุนสกุลเงินหลักของโลก
สัดส่วนที่ลงทุนใน AT1 ของ Credit Suisse ของ Credit Suisse 0.01% (ณ สิ้น ธ.ค. 2022)
กองทุน Feeder Fund ที่ได้รับผลกระทบ:
คำแนะนำจาก FinVest: เรามองว่าผลกระทบดังกล่าวยังมีอยู่จำกัด เนื่องจากการเข้าซื้อ Credit Suisse โดย UBS ยังได้ทำให้ส่วนของตราสารหนี้ประเภทอื่น (แสดงดังคอลัมน์สีเขียวใน Chart) สามารถให้ผลตอบแทนจากส่วนชดเชยความเสี่ยงเพิ่มเติมมาชดเชย จากอันดับเครดิตที่ดีขึ้นภายใต้ชื่อของ UBS
มุมมองต่อกลุ่มธนาคารทั่วโลกและไทย: ด้วยเงินกองทุนต่างๆ ของธนาคารพาณิชย์แห่งใหญ่ๆ ที่เป็นโครงข่ายสำคัญเชื่อมต่อระบบการเงินของโลกนั้นยังดีกว่าเกณฑ์ จากบทเรียนปี 1997 2008 หรือแม้กระทั่งจากปี 2020 ทำให้เรายังมีมุมมองที่ดีต่อหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ในภาพรวม
ถัว ถือ ถอย? ด้วยตราสารหนี้ในตอนนี้ได้ให้ระดับผลตอบแทนเมื่อเทียบความเสี่ยงได้คุ้มค่าแล้ว ประกอบกับการถือลงทุนหลักในสินทรัพย์คุณภาพสูงอย่างพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนกลุ่มอันดับเครดิตน่าลงทุน ของกองทุนเบอร์ 2-4 และ 6 ทำให้สามารถถือและถัวได้ เช่นเดียวกับเบอร์ 5 ที่มีนโยบายเป็น Multi-Asset ในตัวแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับเบอร์ 1 จากการเป็นกลยุทธ์ที่ลงทุนเฉพาะเจาะจงในตราสารหนี้ด้อยสิทธิ ทำให้อาจได้รับผลกระทบจากวัฏจักรเศรษฐกิจขาลง แนะนำให้ถอยก่อน ทั้งนี้เราประเมินว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นกับธนาคารแห่งอื่นในระดับต่ำ เพราะตราสาร AT1 โดยส่วนใหญ่จะไม่ได้มากับเงื่อนไข Permanent Write-Down ดังที่เฉพาะเจาะจงกับของ Credit Suisse เมื่อความกังวลในเรื่องนี้ได้สิ้นสุดลงและวัฏจักรเศรษฐกิจขาลงเป็นการลงที่ดีกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ ตราสารกลุ่มนี้ก็สามารถเป็นโอกาสลงทุนต่อไปได้ ทั้งนี้นักลงทุนต้องให้ความสำคัญถึงนโยบายการลงทุนและความเหมาะสมต่อเป้าหมายการลงทุนของตนเองเป็นสำคัญ
┏━━━━━━━━━━━━━┓
💫FinVest แอปลงทุนแบบใหม่ ที่ได้รวบรวมกองทุนทั่วโลก มาให้คุณเลือกกองทุนที่เหมาะสม และตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ได้ง่ายๆ
⭐️ลงทุนได้ทั้งไทยและเทศ แอปแรกในไทย ให้คุณลงทุนได้จาก 42 บลจ. ชั้นนำ
⭐️ใช้งานง่าย เริ่มต้นแค่มือถือเครื่องเดียว ทำได้ตั้งแต่เปิดบัญชียันซื้อขายง่ายแค่ปลายนิ้ว
⭐️เคียงข้างคุณ มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยอัปเดตสภาพตลาด รวมถึงชี้เป้าการลงทุน
🔗เริ่มลงทุน – แอป FinVest https://finve.st/82bxs
🔗สอบถาม – Line https://finve.st/v2nxq
🔗ติดตาม – Instagram https://finve.st/710rb
🔗อ่านบทความ – Website https://finve.st/4datg
┗━━━━━━━━━━━━━┛
#FinVest #YourWingsYourWays #CreditSuisse #Pimco #UBS #AT1 #CoCos