
จากที่เคยกล่าวไว้ในบทความแนะนำกองทุน RobecoSAM Smart Mobility ปัญหาภาวะโลกร้อนนั้นเป็นปัญหาที่รัฐบาลทั่วโลกเล็งเห็นตรงกันว่าต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด โดยในปี 2015 ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลจาก 195 ประเทศทั่วโลกได้ทำข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม แต่ด้วยสภาพการบริโภคพลังงานปัจจุบัน คาดการณ์ว่าโลกของเรานั้นจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 3.4 องศาเซลเซียส ซึ่งยังต่ำไม่ถึงเป้าหมายที่ทุกคนวางเอาไว้
อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียส ส่งผลเสียหายอะไรต่อโลก
หากโลกอุณหภูมิสูงขึ้นแค่ 4 องศาเซลเซียส หายนะที่ตามมานั้นมีมากมาย ตัวอย่างเช่น การที่ดินแห้งแล้งจนไม่สามารถปลูกพืชได้ และแหล่งน้ำธรรมชาติแห้งแล้ง ทั้งสองข้อนั้นส่งผลให้มนุษย์อดยาก นอกจากนั้นอุณหภูมิที่สูงขึ้นยังเพิ่มความถี่ในการเกิดพายุไซโคลนด้วย จะเห็นว่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเพียงไม่กี่องศา สามารถสร้างความเสียหายต่อโลกได้อย่างมหาศาล
หากมนุษย์มีเป้าหมายร่วมกันคือการป้องกันไม่ให้อุณหภูมิของโลกไปสูงกว่านี้ “การเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานของโลกจากพลังงานจากฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด” ถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับภารกิจครั้งนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ทั่วโลกจะต้องร่วมกันอัดฉีดเงินประมาณ 120 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับภารกิจกู้โลกครั้งสำคัญ ด้วยเม็ดเงินปริมาณมหาศาลขนาดนี้ จึงทำให้ทางทีม FinVest ได้เล็งเห็นโอกาสการลงทุนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำกองทุนที่เกี่ยวข้องกับ Mega Project นี้ นั่นคือกองทุน Schroder International Selection Fund Global Energy Transition หรือ Schroder ISF Energy Transition
ปัญหาภาวะโลกร้อนมีมานาน ทำไมถึงน่าลงทุนในวันนี้
ถ้าจะให้มองข้ามเรื่องของภัยธรรมชาติ สาเหตุที่ธีมนี้น่าลงทุนในปัจจุบันเกิดเนื่องมาจากปัจจัยหลักคือเงินลงทุนที่อัดฉีดเข้ามาของเหล่าชาติมหาอำนาจ ที่มีนโยบายควบคุมอุณหภูมิโลกให้เร็วที่สุดตามข้อตกลง Paris Agreement โดยตัวตั้งตัวตีในปัจจุบันคือ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ตั้งเป้าไว้ว่าปี 2035 สหรัฐจะไม่มีแหล่งผลิตไฟฟ้าที่ปล่อยคาร์บอนอีกต่อไป โดยในเฟสแรกนั้น สหรัฐจะใช้งบประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับการเปลี่ยนแปลงสำหรับอีก 4 ปีข้างหน้า มากไปกว่านั้น ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าตลอดทั้งโครงการ (LCOE) ของพลังงานลมและแสงอาทิตย์ เริ่มถูกลงจนในบางโครงการนั้นถูกยิ่งกว่าการผลิตด้วยพลังงานแบบเดิม ด้วยความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น บวกกับเม็ดเงินลงทุนมหาศาล ทำให้วันนี้เทรนด์การลงทุนในพลังงานหมุนเวียนน่าสนใจกว่าเมื่อก่อนมาก
60% ของพลังงานทั้งหมดบนโลกมาจากเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์
ในปี 2020 นั้นพลังงานจากถ่านหินและการขุดเจาะน้ำมัน ยังคิดเป็น 60% ของพลังงานทั้งหมดบนโลก ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอย่างโรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) คิดเป็นเพียงแค่ 6% เท่านั้น แต่ด้วยความต้องการลดคาร์บอนในปัจจุบัน ส่งผลให้มีการผลักดันแหล่งผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นเรื่อยๆ มีการคาดการณ์ว่า อนาคตโลกของเรานั้นต้องการพลังงานจากพลังงานหมุนเวียนมากกว่าเดิมจากในปี 2020 ถึง 2.5 เท่า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภคพลังงานในอนาคตและความต้องการในการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไปพร้อมๆกัน
การเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง
ในการแก้วิกฤตโลกครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เราเปลี่ยนแหล่งผลิตพลังงานให้เป็นแหล่งผลิตที่สะอาดแล้วก็จบ การเปลี่ยนแปลงแหล่งผลิตพลังงานเป็นแค่ส่วนหนึ่งของ Value Chain เนื่องจากในห่วงโซ่นี้ยังมีระบบที่เกี่ยวข้องอีกมาก ตัวอย่างเช่น หากในอนาคตเราผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์และพลังงานลมได้มากเกินความจำเป็น ก็ต้องมีการพัฒนา Energy Storage ที่ทันสมัยเพื่อกักเก็บพลังงานไว้ใช้ในอนาคต หรือรวมไปถึง ถ้าหากเราผลิตไฟฟ้าได้เยอะๆแล้ว การกระจายไฟนั้นควรต้องมีการบริหารให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มากไปกว่านั้น วิธีการบริโภคพลังงานก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อลดคาร์บอน ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดสุดคือการเปลี่ยนจากรถเครื่องยนต์เผาไหม้แบบเดิมๆไปสู่รถยนต์ EV
จากตัวอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่างต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สอดรับกับโลกในอนาคต และทั้งหมดนี้คือโอกาสในการลงทุน ที่ Schroder เล็งเห็น
ปรัชญาการดำเนินงาน และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุน
ปกติกองทุนนี้จะเริ่มจากการคัดหุ้นประมาณ 2,000 ตัวจากทั่วโลก แล้วค่อยมาตะแกรงร่อนออกจนเหลือแค่หุ้นคุณภาพตามที่กองทุนต้องการ ประมาณ 30-60 ตัวด้วยกัน โดยตัวอย่างหุ้นที่กองทุนนี้ถือเช่น Vestas Wind System ผู้ติดตั้งและผลิตกังหันลมจากเดนมาร์ก หรือ Red Electrica ผู้ติดตั้งระบบกริด (Electrical Grid: โครงข่ายสำหรับจ่ายไฟฟ้า) ในประเทศสเปน แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะมีแต่หุ้นแปลกๆ เพราะกองนี้ก็ถือหุ้นบางตัวที่เรารู้จักกันดีอย่าง Siemens Gamesa Renewable Energy หรือ Samsung SDI ในพอร์ตด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานที่ผ่านมานั้น จากข้อมูลของเว็บไซต์ Morningstar วันที่ 15 กันยายน 2021 ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 34.64% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 1.64% และย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.07% แต่ถ้านับเฉพาะผลตอบแทนในปี 2020 ตัวเลขจะสูงถึง 89.31%
สำหรับความผันของผลตอบแทน สามารถตอบได้ด้วยเรื่องของความเสี่ยง จากรายงานของกองทุนกล่าวว่า ความเสี่ยงหลักๆเกิดจากการกระจุกตัวลงทุนในหุ้นไม่กี่ประเภท (Thematic) และไม่กี่ประเทศ ดังนั้นถ้าเกิดนโยบายภาครัฐมีการเปลี่ยนแปลง หรือ Sector ที่ลงทุนอยู่มีข่าวที่ส่งผลเชิงลบ อาจส่งผลต่อราคากองทุนได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
สรุปจุดเด่นของกองทุน Schroder ISF Energy Transition
- มีโอกาสเติบตามแนวโน้มการบริโภคพลังงานที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
- ลงทุนในธีมที่ได้รับเม็ดเงินสนับสนุนจำนวนมากจากภาครัฐ
- ลงทุนในทุกโครงสร้างพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงระบบพลังงาน
สนใจลงทุนในกองทุนนี้
FinVest เปิดให้นักลงทุนที่สนใจการลงทุนในต่างประเทศสามารถซื้อกองทุนต่างประเทศได้โดยตรงแล้ว รวมถึงกองทุน Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth ที่พูดถึงในบทความนี้ ติดตามข้อมูลโปรโมชั่นได้ที่ https://www.finvest.co.th/promotion/
อ้างอิง
https://unfccc.int/process-and-meetings/the-paris-agreement/the-paris-agreement
https://www.eia.gov/todayinenergy/detail.php?id=42495
https://ourworldindata.org/grapher/electricity-prod-source-stacked?stackMode=relative
https://www.eia.gov/totalenergy/data/flow-graphs/electricity.php
https://ourworldindata.org/ghg-emissions-by-sector
https://www.schroders.com/en/lu/professional-investor/featured/climate-change-dashboard/
https://www.nytimes.com/2020/07/14/us/politics/biden-climate-plan.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Cost_of_electricity_by_source
https://www.schroders.com/getfunddocument/?oid=1.9.3317866
https://www.morningstar.co.uk/uk/funds/snapshot/snapshot.aspx?id=F000013V4E&tab=1
ติดตามและรับข่าวสารกับเรา
อิสระของชีวิต ติดปีกการลงทุน
ชี้เป้าการลงทุนให้คุณ ลงทุนได้หลาย บลจ
โหลดและเปิดบัญชีได้ง่าย พร้อมเริ่มต้นลงทุนกับ FinVest
ติดตามรายละเอียดหน้าโปรโมชัน