ธุรกิจการเงินเป็นเหมือนธุรกิจที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จในการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจมาหลายต่อหลาย ศตวรรษ โดยหน้าที่ของธุรกิจเหล่านี้คือการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน หรือ มอบความสะดวกสบายบางอย่างแก่ลูกค้า โดยธนาคารแห่งแรกที่ได้รับการบันทึกไว้ คือธนาคารที่ชื่อว่า Banca Monte Dei Paschi di Siena ซึ่งก่อตั้งในปี ค.ศ 1472 ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายร้อยปีนั้น สถาบันการเงินบางแห่งได้ล้มหายตายจากไป ในขณะที่สถาบันบางแห่งยังอยู่รอดปลอดภัย ซึ่งการที่กลุ่มการเงินนั้นอยู่รอดมาได้นั้นสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของสถาบันเหล่านี้ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าธุรกิจการเงินที่แข็งแกร่งและอยู่รอดเหล่านี้ได้กระจายตัวอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของโลก ดังนั้นหากผู้อ่านเริ่มอยากลงทุนในธุรกิจกลุ่มการเงินแบบทั่วโลกให้ครบจบในที่เดียว วันนี้ FinVest มีกองทุนจากทาง ONE Asset Management มาแนะนำ กองทุนนี้มีชื่อว่ากองทุน ONE-GLOBFIN-RA
เข้าใจธุรกิจการเงินไปกับ ONE-GLOBFIN-RA
กองทุน ONE-GLOBFIN-RA เป็น Feeder Fundให้กับทางกองทุน BlackRock World Financials Fund ซึ่งกองทุนที่ว่าเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ระดับภูมิภาค ซึ่งชื่อของหุ้นแต่ละตัวนั้น หลายคนน่าจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง เช่น Bank of America, Barclays และอื่นๆอีกมากมาย
ด้วยความที่กองทุนนี้ลงทุนแต่ในธุรกิจกลุ่มการเงินเป็นหลัก สัดส่วนของ Portfolio จะเห็นว่ามีกลุ่มธนาคารในนั้นเป็นสัดส่วนหลักประมาณ 47% ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะต้องทำความเข้าใจคร่าวๆ ก่อนว่าแบงค์ใหญ่ๆ เหล่านี้ มีแหล่งรายได้มาจากไหน โดยจะกล่าวถึงรายได้ 3 ช่องทางหลักๆ ของธนาคาร ดังต่อไปนี้
.
1. รายได้จาก Commercial และ Retail Banking
มาเริ่มกันที่รายได้ประเภทแรก ลักษณะของรายได้ประเภทนี้ส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยเงินกู้และค่าธรรมเนียม โดยที่รูปแบบการกู้ประกอบไปด้วยหลายส่วนด้วยกัน ตัวอย่างเช่น รายได้จากดอกเบี้ยบัตรเครดิต, ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อรถยนต์, ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน และดอกเบี้ยอื่นๆ โดยความแตกต่างระหว่าง Commercial Banking กับ Retail Banking นั้นจะแตกต่างในลักษณะของลูกค้า โดย Retail จะเน้นไปที่สินเชื่อสำหรับรายย่อย ส่วน Commercial จะเน้นไปที่สินเชื่อธุรกิจ
โดยทั่วไปแล้วในช่วงเศรษฐกิจดี ปริมาณการกู้ยืมเงินจะสูงขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ ในขณะที่เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำปริมาณการกู้ก็จะลดลง โดยความเสี่ยงของรายได้ในส่วนนี้มักเกิดจากการผิดชำระของลูกหนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว
.
2. รายได้จาก Asset & Wealth Management
ในส่วนถัดมา เราจะพูดถึงธุรกิจกลุ่ม Asset & Wealth Management กันบ้าง รายได้ในส่วนนี้มาจากการค่าธรรมเนียมบริหารจัดการทรัพย์สินและเงินทุนของลูกค้า โดยทั่วไปแล้วยิ่งพอร์ตของลูกค้ามีขนาดใหญ่ขนาดไหน ย่อมหมายถึงโอกาสที่ธนาคารเหล่านั้นจะได้รับค่าธรรมเนียมมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการที่จะหาลูกค้ารายใหญ่ๆได้ ความน่าเชื่อถือของธนาคารเหล่านั้นย่อมเป็นส่วนสำคัญ
.
3.รายได้จาก Corporate & Investment Banking
มาต่อกันในส่วนรายได้สุดท้ายที่จะพูดถึง นั่นคือรายได้จาก Corporate & Investment Banking หรือวาณิชธนกิจนั่นเอง โดยรายได้ในส่วนนี้จะเป็นรายได้ที่เกิดจากการให้บริการลูกค้าในระดับองค์กร โดยตัวอย่างงานเช่น การนำหุ้นเข้า IPO, การควบรวมกิจการ (Merge & Acquisition) เป็นต้น ซึ่งในสายงานนี้ จะมีกลุ่มธนาคารที่เรียกกันว่ากลุ่ม Bulge Bracket ซึ่งเป็นกลุ่มที่รายชื่อพันธมิตรของวาณิชธนกิจชั้นนำและขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเอาไว้ ตัวอย่างธนาคารกลุ่มนี้ก็เป็นชื่อที่เราคุ้นหูกันดี เช่น JPMorgans, Barclays, Morgan Stanley และ Bank of America ด้วยความที่แบรนด์เหล่านี้มีอำนาจในการต่อรองที่สูง ย่อมส่งผลต่อความแข็งแกร่งและอำนาจต่อรองของบริษัทที่กล่าวมา จึงไม่พลาดที่ธนาคารเหล่านี้จะมีในพอร์ตของทางกองทุน BlackRock World Financials Fund อย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่ากองทุนจากทาง BlackRock จะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร แต่ในความจริงแล้ว ธุรกิจการเงินกินขอบเขตกว้างกว่าที่กล่าวมา ตัวอย่างเช่น ธุรกิจประกัน ที่ทางกองทุน BlackRock ได้ถือหุ้นบริษัท Prudential ในสัดส่วนประมาณ 3.75% อีกด้วย ซึ่งถ้าต้องการศึกษาต่อก็สามารถอ่านได้จาก Factsheet ของทาง BlackRock ได้เลย
.
ผลการดำเนินงานและความเสี่ยงของกองทุน
ถ้าเริ่มมองเห็นภาพมากขึ้น แล้วอยากไปต่อกับกองทุนนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือ ลักษณะความเสี่ยงของกองทุน โดยความเสี่ยงแรก คือการกระจุกตัวลงทุนในหุ้นกลุ่มเดียวกัน นั่นคือคือกลุ่มการเงิน แต่ด้วยความที่เป็นธุรกิจการเงินขนาดใหญ่ระดับ Market Cap 10 Billion US ขึ้นไป บวกกับบางแบรนด์ธนาคารที่มีอายุแบรนด์มาอย่างยาวนาน จุดนี้อาจจะช่วยลดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง อีกประเด็นที่น่าสนใจคือทาง Master Fund อย่าง BlackRock อาจมีการใช้สัญญาอนุพันธ์ประกอบการลงทุนด้วย จึงทำให้ความเสี่ยงของกองทุน ONE-GLOBFIN-RA นี้อยู่ในระดับ 7 เลยทีเดียว ซึ่งเป็นระดับความเสี่ยงของกองทุนที่ลงทุนตามหมวดอุตสาหกรรม
มาดูกันที่ผลการดำเนินงานในอดีตกันบ้าง อ้างอิงจากวันที่ 8 ตุลาคม 2021 กองทุน ONE-GLOBFIN-RA ให้ผลตอบแทน YTD 25.39% ในส่วนของผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลังและ 3 ปีย้อนหลัง เท่ากับ 59.49% และ 12.15% ต่อปี ตามลำดับ โดยค่า Volatility อยู่ราวๆ 25% ในส่วนของความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ถ้าซื้อกองทุน ONE-GLOBFIN-RA กองทุนนี้มีการจัดการตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้นสบายใจได้ในระดับหนึ่ง
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ แล้วสนใจที่จะลงทุนในกองทุนที่ลงทุนกับธุรกิจการเงินอย่าง ONE-GLOBFIN-RA นั้น ช่วงนี้ทาง Finvest มีโปรโมชั่นพิเศษ คือ ฟรีค่าธรรมเนียม Front-End Fee จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2021สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูที่ https://www.finvest.co.th/onshorefefee/ ได้เลย
.
.สรุปจุดเด่นของกองทุน ONE-GLOBFIN-RA
– ลงทุนกองเดียวครอบคลุมทุกด้านเกี่ยวกับการเงิน
– คัดเลือกหุ้นธุรกิจการเงินที่น่าเชื่อถือจากทั่วโลก
– หุ้นพิสูจน์ตัวเองมาแล้วว่าแข็งแกร่ง สามารถผ่านวิกฤตการเงินมาได้
.
.
❇️เริ่มต้นลงทุนเข้าไปที่ แอป FinVest กันได้เลย
👉🏻 https://finvest.onelink.me/CoWV/cd81c26c
❇️ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ Line 👉🏻 https://lin.ee/3wINMDBsz
❇️Follow us on Website: www.finvest.co.th
.
#FinVest #YourWingsYourWay
.
.———————————————————————————
อ้างอิง
https://www.one-asset.com/doc_fund/Fund%20Summary%20Prospectus/ONE-GLOBFIN-RA_summary_prospectus.pdf
https://www.wellsfargo.com/about/investor-relations/quarterly-earnings/
https://www.jpmorganchase.com/content/dam/jpmc/jpmorgan-chase-and-co/investor-relations/documents/quarterly-earnings/2021/2nd-quarter/4c5c5520-88e8-4d8c-968d-231ef9309fff.pdf
https://www.blackrock.com/hk/en/literature/fact-sheet/bgf-world-financials-fund-class-a2-usd-factsheet-lu0106831901-hk-en-retail.pdf
https://www.blackrock.com/hk/en/products/229936/blackrock-world-financials-fund-a2-usd
https://www.unicreditgroup.eu/content/dam/unicreditgroup-eu/documents/en/investors/financial-reports/2021/2Q21/Consolidated-First-Half-Financial-Report-as-at-30-June-2021.pdf