ตั้งแต่ยุค PC ช่วงปี 1990 หุ้นเทคโนโลยีเอเชียเริ่มมีบทบาทมากขึ้น หลังจากนั้นบทบาทก็ค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งช่วงปี 2020 ที่หุ้นเทคโนโลยีเอเชียเริ่มกลับมามีบทบาทอีกครั้ง จากการพัฒนาที่ก้าวล้ำของ AI ซึ่งเริ่มต้นมาจากจีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ โดยเฉพาะบริษัทที่มีโครงสร้างการบริหารด้วยเทคโนโลยีอย่าง Alibaba, Tencent, TSMC และ Samsung เป็นต้น บริษัทเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญในตลาดโลก และติดอันดับ 10 รายชื่อหุ้นเทคโนโลยีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2020
ปัจจุบันเทรนด์เทคโนโลยีเอเชียยุคใหม่ที่กำลังเข้ามาแทนที่เทคโนโลยีโลกยุคเก่านั้น สามารถสร้างความสะดวกสบายให้กับมนุษย์ได้ดีกว่าและมากกว่าที่เป็นอยู่ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์มีคุณภาพที่ดีขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้หุ้นเทคโนโลยีเอเชียกำลังเข้ามาแทนที่หุ้นเทคยักษ์ใหญ่ของโลกในหลายกลุ่มธุรกิจ เช่น ธุรกิจเกม Tencent แทน EA, ธุรกิจอีคอมเมิร์ช Alibaba แทน ebay, ธุรกิจซอฟต์แวร์ Kingdee แทน Salesforce, ธุรกิจผลิตชิป TSMC แทน Intel, ธุรกิจเทคโนโลยีเซนเซอร์ Keyence แทน Siemens, ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า NIO/Xiaopeng แทน Tesla และธุรกิจโซเชียลมีเดีย Weibo แทน Twitter เป็นต้น
ความน่าสนใจของหุ้นเทคโนโลยีเอเชีย
1.กลุ่มประเทศโซนเอเชียมีกำลังแรงงานที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมากขึ้น มีทั้งผู้คิด ผู้ผลิต และค่าจ้างที่ถูก เอเชียจึงเป็นทั้งแหล่งผลิตเทคโนโลยีของโลกและยังเป็นแหล่งผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมหาศาลด้วยเช่นกัน
2.ประชากรจีนมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นกลางในประเทศ ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตในกลุ่มธุรกิจ E-commerce และ Gaming รวมถึงเทคโนโลยี 5G และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังเติบโต
3. TSMC (บริษัทไต้หวัน) และ Samsung (บริษัทเกาหลีใต้) สองผู้นำด้านการผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งครอบครองส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 80% ทั่วโลก
4. หุ้นเทคโนโลยีเอเชียแปซิฟิคมีมูลค่า (P/B) ถูกกว่าหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ถึง 3 เท่า และมีอัตราการเติบโตของกำไรที่สูงกว่า
กองทุน K-ATECH จึงเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเทรนด์เทคโนโลยีเอเชียที่กำลังเติบโตขึ้นมาอย่างโดดเด่นในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ อีกทั้งเพื่อเปิดโอกาสการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีเอเชียที่กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นโยบายการลงทุน K-ATECH ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีทั่วเอเชียครอบคลุมทั้ง จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ช เกมออนไลน์ หุ่นยนต์เชิงอุตสาหกรรม ลงในกองทุนหลัก JPMorgan Pacific Technology – Class C (acc) – USD
กองทุนหลัก JPMorgan Pacific Technology เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโตสูงครอบคลุม 5 ธีมหลักที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ได้แก่ ธุรกิจอีคอมเมิร์ชและสื่อออนไลน์ ธุรกิจเกมออนไลน์ ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์มือถือ และธุรกิจหุ่นยนต์เชิงอุตสาหกรรม
สัดส่วนการลงทุนของกองทุนหลักที่แบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรมพบว่า กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม IT ซึ่งกระจายการลงทุนในไปใน 3 กลุ่มย่อย (Software & Services, Semiconductor และ Technology Hardware) อีกทั้งยังมีการกระจายไปในกลุ่ม Communication Services และ Consumer Discretionary และยังมีการลงทุนในกลุ่ม Healthcare
ตัวอย่างบริษัทที่ลงทุน
Alibaba Group Holding ผู้นำบริษัทด้าน E-Commerce การขายของออนไลน์ ค้าปลีก อินเทอร์เน็ต AI และเทคโนโลยีข้ามชาติของจีน
Tencent Holdings บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จีน ซึ่งทำธุรกิจ มากมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีแอปพลิเคชันออนไลน์ เจ้าของแอป Wechat ชื่อดังและเจ้าของธุรกิจเกมออนไลน์
Taiwan Semiconductor Manufacturing Company บริษัทสัญชาติไต้หวันผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 52% โดย Apple และ Huawei ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของ TSMC