เศรษฐกิจถดถอยมาเยือนแน่? แต่รับมือได้ ด้วย 2 Scenario จากพวกเรา FinVest 

เศรษฐกิจถดถอยมาเยือนแน่? แต่รับมือได้ ด้วย 2 Scenario จากพวกเรา FinVest 

เศรษฐกิจถดถอยมาเยือนแน่? แต่รับมือได้ ด้วย 2 Scenario จากพวกเรา FinVest 

.

เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณการถดถอยให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น

สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันได้เริ่มส่งสัญญาณการถดถอยให้เห็นทั้งในภาคเศรษฐกิจจริงและในภาคการเงิน โดยในภาคเศรษฐกิจจริง เราจะเริ่มเห็นบริษัทใหญ่ ๆ หลายบริษัทเริ่มมีการปลดพนักงานออกพร้อมกับรัดเข็มขัดอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ เนื่องจากต้นทุนด้านต่างๆ เพิ่มขึ้นมากจากเงินเฟ้อ ทว่าความร้อนแรงของเศรษฐกิจกลับชะลอตัวไปหลังจากการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเวลา 2 ปี

ส่วนภาคการเงิน ก็ระส่ำไม่แพ้กัน จากการเกิด Inverted Yield Curve ระหว่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 2 ปีและ 10 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณชี้วัดสำคัญที่มักจะเกิดก่อนเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงไปการดึงสภาพคล่องออกจากระบบด้วยการดำเนินนโยบายอย่าง ​​Quantitative Tightening หรือ QT อีกด้วย

แต่ก็ใช่ว่าจะลงทุนไม่ได้เลย เพราะมาคราวนี้ทางพวกเรา FinVest ได้เตรียมมาถึง 2 Scenario ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้น พร้อมวิธีรับมือให้ทุกท่านอีกด้วย จะเป็นอย่างไรนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาลุยกันเลย

.

Scenario แบบที่ 1 : ถ้าความกังวลเกิด Recession ไม่สูงมากนัก แต่แล้วดันลากยาว 

ในเหตุการณ์เช่นนี้เศรษฐกิจยังพอกลับมาโตได้แม้มีชะลอตัวลงหรือหดตัวระหว่างทางไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้โตร้อนแรงมากเช่นกัน เป็นไปในลักษณะซึม ๆ ยาว

สถานการณ์ในลักษณะนี้เหมาะกับการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Infrastucture เป็นอย่างมาก โดยตัวอย่างสินค้าในกลุ่ม Infrastructure นั้นได้แก่ น้ำประปา ไฟฟ้า หรือ ถนนหนทาง รถไฟฟ้า เป็นต้น

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? สาเหตุเพราะว่าสินค้าในกลุ่มนี้มีลักษณะเป็นสินค้าจำเป็น ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ยังมีกระแสเงินสดเข้ามาสม่ำเสมอไม่ขาดสายนั่นเอง

ในขณะเดียวกัน รายงานจาก Robowealth Investment Advisory Securities* ซึ่งได้ทำการศึกษาข้อมูลในอดีต และพบความสัมพันธ์ที่น่าสนใจว่า ในช่วงที่เงินเฟ้อสูงกว่า 2.5% อย่างตอนนี้นั้น สินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดได้ดีอย่าง กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์  หรือ REITs นั้นสามารถทำผลตอบแทนได้มากกว่าหุ้นเสียอีก โดยสาเหตุมาจากเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นจากก็มาจากอัตราเงินเฟ้อด้วยนั่นเอง

.

กองทุนแนะนำ สำหรับ Scenario แบบที่ 1 คือ TMBGINFRA และ KFGPROP

.

TMBGINFRA

ลงทุนในหุ้นของบริษัทโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วโลก ผ่าน Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund โดยกองทุนนี้จะลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Infrastructure Companies) และมีการคัดเลือกหลักทรัพย์ด้วยกระบวนการและปัจจัยกลั่นกรองหลายปัจจัย ซึ่งครอบคลุมปัจจัยเชิงคุณภาพ ตลอดจนการกระจายการลงทุนทั้งในมิติของพื้นที่ภูมิภาคและกลุ่มอุตสาหกรรม

https://www.finvest.co.th/globalinfrastructure/

KFGPROP-A

ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนจะลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ซึ่งลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย ผ่านกองทุน Janus Henderson – Global Real Estate Fund 

https://www.finvest.co.th/globalinfrastructure/

.

Scenario แบบที่ 2 : ถ้าโอกาสเกิด Recession สูงมาก และเศรษฐกิจถดถอยมาแน่

ก่อนอื่นต้องขอเท้าความก่อนว่าโอกาสที่จะเกิด Recession รุนแรงนั้นเกิดจากการที่ Fed ไม่สามารถทำให้เงินเฟ้อจบลงแบบ Soft Landing ได้ 

นั่นหมายความว่า Fed ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ เพื่อหยุดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ ที่ยิ่งช้าจะยิ่งแก้ยากและบานปลายเกินไป การแก้ปัญหาลักษณะนี้คล้ายคลึงกับการรักษาผู้ป่วยตามอาการ ซึ่งบางครั้งต้องให้ยาแรง จนกว่าผู้ป่วยจะมีอาการที่ดีขึ้น ระหว่างนี้นักลงทุนก็สามารถหาหลุมหลบภัยด้วยการถือเงินสดหรือกองทุนตลาดเงินไปพลาง ๆ ก่อน

ขณะเดียวกัน ในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากการทยอยขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ทั่วโลกโดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลนั้นภาพรวมปรับตัวสูงขึ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ หรือรวมไปถึงกลุ่ม Investment Grade ก็น่าดูงดูด โดยเฉพาะกลุ่มที่อายุตราสารยาวขึ้น แน่นอนว่าก็ต้องคัดเลือกอยู่บนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เพราะในช่วงนี้ยังไม่ความไม่นอนเกิดขึ้นได้อยู่

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเศรษฐกิจสามารถกลับมาสู่ช่วงฟื้นตัวหลังจากที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่ต่ำลงอีกครั้ง ราคาของตราสารหนี้ที่สัญญาว่าจะจ่ายดอกเบี้ยสูง ๆ นั้นจะมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีกด้วย สาเหตุมาจาก ตราสารหนี้ที่ออกมาใหม่ให้ผลตอบแทนที่เป็นดอกเบี้ยน้อยกว่าตราสารหนี้ที่เคยออกมาก่อนหน้าในช่วงดอกเบี้ยสูง

.
กองทุนแนะนำ สำหรับ Scenario แบบที่ 2 : ASP-DPLUS, KF-TRB

ASP-DPLUS

ASP-DPLUS มีนโยบายการลงทุนโดยเน้นไปที่อายุตราสารเฉลี่ยประมาณ 3–6 เดือน ซึ่งเน้นลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ ที่สภาพคล่องดี มอบโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินทั่วไปจาก การเฟ้นหาตราสารหนี้ที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศด้วย Universe ที่กว้าง นอกจากนี้ สามารถซื้อ-ขาย ได้ทุกวันทำการ และ สามารถรับเงินขายคืนได้ในวันทำการ ถัดไปจากวันขายคืน (T+1) เหมาะกับการเป็นแหล่งพักเงินอีกด้วย

.

KF-TRB

กองทุน KF-TRB นั้นจะลงทุนในหน่วยลงทุนของ PIMCO Total Return Bond Fund ที่กระจายการลงทุนในตราสารหนี้อายุตราสารที่ยาวขึ้น คุณภาพสูงอย่างรอบคอบ และมุ่งสร้างผลตอบอย่างสม่ำโดยที่คุ้มค่ากับความเสี่ยง 

สรุปส่งท้าย

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยถึงจะฟังดูรุนแรง แต่แท้จริงแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ช่วงหนึ่งของวัฏจักรเศรษฐกิจเท่านั้น เหมือนพระอาทิตย์ที่มีขึ้นก็มีตก แต่ไม่ได้หมายความว่าให้นักลงทุนทุกท่านชะล่าใจ ยังไงเสีย ก่อนจากกันคราวนี้นอกจากเรื่องของการลงทุนแล้ว พวกเรา FinVest เองก็ขอให้ทุกท่านสำรวจสุขภาพการเงินของตัวเองให้ดี และใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เพราะการเตรียมตัวก่อนย่อมดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

*ใช้ข้อมูลผลตอบแทนของ REITs (FTSE NAREIT All Equity REITs Index) และ S&P500 ต้ังแต่ ปี 1972-2022Q1

.

กองทุนนี้ สามารถลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน FinVest ได้เลยที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/cd81c26c
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ Line https://lin.ee/3wINMDBsz
Follow us on Website: www.finvest.co.th

#FinVest #YourWingsYourWays

**ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต**

**การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน**

Related Posts