เวียดนาม สถานี 4 : 5 หุ้นเวียดนามที่น่าจับตามอง

เวียดนาม สถานี 4 : 5 หุ้นเวียดนามที่น่าจับตามอง

Military Commercial Bank (MBB)

หนึ่งในธนาคารเอกชนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม 

ซึ่งให้บริการทางด้านการเงินแบบครบวงจร อาทิ ให้บริการรับฝากเงิน แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บริการด้านสินเชื่อ บัตรเครดิต ตัวแทนประกันภัย รวมไปถึงการรุกธุรกิจด้านค้าหลักทรัพย์  เป็นต้น โดยรายได้หลักของธนาคารมาจากการปล่อยสินเชื่อธุรกิจ และลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก 

.

ด้านผลประกอบการปี 2021 บริษัทสามารถทำรายได้ 24,557 พันล้านดอง เติบโต 43% YoY ขณะที่กำไรอยู่ที่ 13,221 พันล้านดอง เติบโต 54%YoY โดยเป็นหนึ่งในธนาคารเอกชนของเวียดนามที่สามารถทำกำไรได้สูงกว่า 10,000 พันล้านดองในปี 2021 ซึ่งมาจากการเติบโตของสินเชื่อลูกค้ารายย่อยและธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในเวียดนาม

.

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา MBB เป็นธนาคารแห่งเดียวของเวียดนาม ที่ได้รับรางวัลการบริหารและการจัดการสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Liquidity Risk Management Award) จาก Asian Banker Awards โดยมีอัตราส่วน NPL เพียงแค่ 0.68% 

.

ขณะที่มุมมองอนาคตในปี 2022 – 2024 บริษัทตั้งเป้าติด 1 ใน 3 ธนาคารที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการสร้างรายได้ และเป็นธนาคารชั้นนำของเอเชีย นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาธุรกรรมดิจิทัล และแพลตฟอร์ม เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้าน Digital Banking ในอนาคต โดยปัจจุบันแอปพลิเคชันของธนาคารมียอดดาวน์โหลดมากที่สุดใน App Store ของประเทศเวียดนาม และยังมียอดการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์สูงถึง 391 ล้านธุรกรรมในปีที่ผ่านมาอีกด้วย

.

อัตราการเติบโตที่สูงทั้งรายได้และกำไร รวมไปถึงอัตราส่วน P/E ที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 9 เท่า ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากส่วนของเจ้าของ (ROE) สูงถึงระดับ 23% จึงทำให้ทั้งนักลงทุนชาวเวียดนาม และนักลงทุนต่างชาติต่างให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในบริษัท โดยสัดส่วนการลงทุนของต่างชาติ ณ สิ้นปี 2021 อยู่ที่ระดับ 23% นอกจากนี้บริษัทยังถูกเข้าไปคำนวณ ในดัชนี VN30 ซึ่งเป็นดัชนีที่นิยมใช้ในการติดตามตลาดหุ้นเวียดนามที่ประกอบไปด้วยหุ้นขนาดใหญ่วัดตามมูลค่าตามราคาตลาด  30 อันดับแรก

 

FPT Corporation (FPT)

บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม 

.

โดยแบ่งธุรกิจหลักเป็น 3 ส่วน

  1. ด้านเทคโนโลยี – เป็นผู้พัฒนาและที่ปรึกษาการวางระบบดิจิทัล พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ระบบไอทีครบวงจร รวมถึงการให้บริการระบบ Cloud และ Data Center 
  2. ด้านโทรคมนาคม – เป็นผู้ให้บริการระบบสื่อสารทั้งสัญญาณโทรทัศน์และอินเตอร์ความเร็วสูง นอกจากนี้ยังจัดจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์มือถือและไอที
  3. ด้านการศึกษา –  ให้บริการด้านการศึกษาโดยมีโรงเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา จนถึงระดับมหาวิทยาลัย รวมจำนวน 11 แห่ง ณ สิ้นปี 2021 มีนักเรียนประจำมากกว่า 74,000 คน

...

ในปี 2021 บริษัทสามารถสร้างรายได้สูงถึง 35,657 พันล้านดอง เติบโต 20%yoy และกำไรสุทธิที่ 5,349 พันล้านดอง เติบโต 21%yoy ขณะที่กำไรต่อหุ้นก็เติบโตเช่นอยู่ที่ 4,349 ดองต่อหุ้น หรือเติบโต 22%yoy ซึ่งสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งแม้ว่าในปีที่ผ่านมาบริษัทจะเผชิญปัญหาจากวิกฤตโควิด-19 รอบใหม่ในเวียดนาม แต่อย่างไรก็ดีกลับส่งผลดีให้กับบริษัทเนื่องจากคนเวียดนามมีความต้องการอุปกรณ์ด้านไอที อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อใช้ในการ Work from home มากขึ้น นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาบริษัทยังมีการเข้าลงทุน BASE.VN ซึ่งเป็นบริษัท Start-Up ด้านแพลตฟอร์ม ที่บริษัทคาดหวังว่าจะช่วยหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องในโลกดิจิทัลยุคใหม่

.

มุมมองอนาคตบริษัทคาดว่าธุรกิจด้าน Digital Transformation (DX) จะเป็นแรงผลักดันรายได้หลักในปี 2022-2024 จากความต้องการด้าน DX เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกที่มีโอกาสการเติบโตในอนาคต ขณะที่ International Data Corporation (IDC) เปิดเผยว่าภูมิภาคเอเชียจะมีการใช้จ่ายในการพัฒนาด้าน Digital Transformation และ Big Data เพิ่มขึ้น 19%YoYในปี 2022 อีกทั้งจะเพิ่มขึ้นถึง 1.6 เท่า ในปี 2025 เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดของ DX ในปี 2021

.

ขณะที่ฝั่งธุรกิจโทรคมนาคม บริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาการเติบโตได้ จากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของจำนวนสมาชิกใหม่ในธุรกิจบรอดแบรนด์ อีกทั้งยังมีส่วนแบ่งการตลาดที่แข็งแกร่งในเวียดนาม นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของ Data Center เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

.

ด้านการศึกษา มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักเรียนอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการบุคลากรด้าน IT ที่มากขึ้น โดยบริษัทคาดว่าจำนวนนักเรียนจะเพิ่มขึ้นถึง 30%ต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า

.

FPT Corporation ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นโฮจิมินห์ (HOSE) ตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2006 โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าบริษัทสูงถึง 84,395 พันล้านดอง หรือราว 1.3 แสนล้านบาท และติดอันดับ 1 ใน 5 บริษัทในตลาดหุ้นเวียดนามที่มีมูลค่าสูงที่สุด อีกทั้งยังถูกจัดอยู่ในดัชนี VN30 หรือหุ้นใหญ่ที่สุด 30 อันดับแรกในตลาดหุ้นเวียดนาม นอกจากนี้จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมากจากนักลงทุนโดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนบริษัท FPT เต็มอัตราส่วนของนักลงทุนต่างชาติ (Foreign Ownership Limit) ที่ 49% มาโดยตลอด

.

Mobile World Investment Corporation (MWG)

.

บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

.

โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ด้านธุรกิจค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ไอที  เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน นอกจากนี้บริษัทยังมีการแตกไลน์สินค้าประเภทอื่นเช่น อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงอาหารสดภายใต้แบรนด์ Bach Hoa Xanh ซึ่งการจัดจำหน่ายสินค้าทุกชนิดมีทั้งแบบผ่านช่องทางสาขาและผ่านระบบออนไลน์ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น   

..

ปัจจุบันมีสาขาจำนวน 6,316 สาขาในทุกธุรกิจในเครือของ MWG แบ่งประเภทดังนี้ (ข้อมูล ณ​ สิ้นปี 2021)

  1. Dien May Xanh (เดื่อน-เม่-ซาน) – จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน จำนวน 2,561  สาขา
  2. Bach Hoa Xanh (แบก-หาว-ซาน) – จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และอาหารสด จำนวน 2,493  สาขา
  3. The Goi Di Dong (เดอ-ก๋อย-ดิ-ดอง) – จำหน่ายมือถือและอุปกรณ์ไอที จำนวน 1,027 สาขา
  4. An Khang (อัน-คัง) –  ร้านขายยา จำนวน 225 สาขา 
  5. Topzone – จำหน่ายสินค้าของ Apple โดยเฉพาะ จำนวน 10 สาขา

.

 นอกจากนี้บริษัทมีการขยายเครือข่ายค้าปลีกโทรศัพท์มือถือไปยังต่างประเทศโดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า Bigphone และ Bluetronics ในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันมีจำนวนสาขารวมมากกว่า 50 สาขาใน 13 จังหวัด  และล่าสุดเมื่อช่วง ม.ค.  ปี 2022 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ภายใต้แบรนด์ AVA จำนวน 5 รูปแบบได้แก่    

  1. AVASport – จำหน่ายอุปกรณ์กีฬา
  2. AVAFashion –  จำหน่ายสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น
  3. AVAKids – จำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก
  4. AVAJi – จำหน่ายเครื่องประดับ
  5. AVACycle –  จำหน่ายจักรยาน

.

   ปี2021 บริษัทสามารถสร้างรายได้อยู่ที่ 122,958 พันล้านดอง เติบโต 13%yoy และกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,901 พันล้านดอง เติบโต 25%yoy  โดยรายได้หลักมาจากยอดขายมือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่เติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่รายได้จากช่องทางออนไลน์เติบโตก้าวกระโดดที่ +53%%yoy ทำให้เป็นบริษัทค้าปลีกในเวียดนามที่มียอดขายผ่านออนไลน์สูงที่สุดในปีที่ผ่านมา 

.

   มุมมองในอนาคต บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเติมเพื่อผลักดันยอดขายและกำไรสุทธิมากขึ้น รวมไปถึงการขยายสาขาไปยังตลาดต่างประเทศในการขายสินค้าประเภทอุปกรณ์มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่ BHX ที่เป็นแบรนด์ขายสินค้าอาหารสดและเครื่องดื่ม จะปรับกลยุทธ์โดยจะหันมาลดบางสาขา แต่เพิ่มการขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น พร้อมปรับปรุงระบบปฏิบัติการ รวมถึงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังบริษัทเล็งเห็นว่าผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น และล่าสุดในเดือน เม.ย. 22 ที่ผ่านมา  BHX ได้ร่วมมือกับ C.P. เวียดนามในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ประเภทอาหารสด ที่มีคุณภาพดี ในราคาที่จับต้องได้  

.

MWG จดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนามมาตั้งแต่ปี 2014 และยังถูกจัดอยู่ในดัชนี VN30 กล่าวคือบริษัทที่มีขนาดใหญ่ 30 อันดับแรกในตลาดหุ้นเวียดนาม โดยปัจจุบันมีมูลค่าตลาดราว  90,000 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 8 เท่านับตั้งแต่ IPO ขณะที่ P/E อยู่ที่ 15 เท่า ซึ่งไม่สูงมากหากเทียบกับการเติบโตก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา นับว่าบริษัทหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมากกับการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามที่มีศักยภาพเติบโตสูงในระยะยาว

Vietnam Prosperity Joint Stock Commercial Bank (VPB)

 

หนึ่งในธนาคารพาณิชย์เอกชนรายใหญ่ของเวียดนาม 

 

ที่ให้บริการทางด้านการเงินแบบครบวงจร อาทิ บริการด้านเงินฝากระยะสั้น-ยาว  สินเชื่อส่วนบุคคลและธุรกิจ บัตรเครดิต ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ  รับทำธุรกรรมด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ  รวมไปถึงเป็นตัวแทนนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และตราสารหนี้ โดยปัจจุบันมีลูกค้าในทุกธุรกิจรวมกว่า 19 ล้านคน  

 

ปี 2021 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 66,781 พันล้านดอง เติบโต 4%YoY  และกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,233 พันล้านดอง เติบโต 7.8%YoY ขณะที่สินเชื่อสามารถขยายตัวได้ถึง 19%YoY เป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นในเวียดนาม ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยก็เติบโตถึง 5% มาจากการเติบโตของค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์และการลงทุน รวมไปถึงรายได้ส่วนเพิ่มจากหนี้เสียที่สามารถเรียกเก็บได้มากขึ้น ด้านอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ หรือ CIR ก็ลดอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 24% จาก 29% ในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นในเวียดนาม  ขณะที่ยอดธุรกรรมทางการเงินผ่านออนไลน์เติบโตถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับที่ปี 2020

 

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นของ VPBank มีมติขายหุ้นจำนวน 49% ของ FE Credit ซึ่งเป็นบริษัทสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคชั้นนำในเวียดนามที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 50% ให้กับ SMBC Consumer Finance (SMBCCF) บริษัทในเครือของ Sumitomo Mitsui Financial Group (SMBC) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 กลุ่มการเงินและธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น VPBank SMBC Finance Company Limited  โดยการตัดสินใจขายบริษัท FE Credit ในครั้งนี้เพื่อเพิ่มความสามารถทางการเงินและนำไปขยายธุรกิจในส่วนอื่นที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต ขณะเดียวกันการลงทุนดังกล่าวจะช่วยให้ SMBCCF ซึ่งเป็นบริษัทสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคชั้นนำในประเทศญี่ปุ่นสามารถขยายธุรกิจแฟรนไชส์ในภูมิภาคนี้

 

VPB เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ของเวียดนามในปี 2017 และปัจจุบันยังถูกคำนวณในดัชนี VN30 อีกด้วย VPB ถือเป็นอีกบริษัทหนึ่งในเวียดนามที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งชาวเวียดนามและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีอัตราการเติบโตที่ดีไปพร้อมๆกับเศรษฐกิจของเวียดนาม อีกทั้งปัจจุบันมี P/E ในระดับ 10 เท่าซึ่งถือว่าไม่สูงมากเมื่อเทียบกับกลุ่มธนาคาร

Phu Nhuan Jewelry Joint Stock Company (PNJ)

.

แบรนด์ค้าปลีกเครื่องประดับรายใหญ่ของเวียดนาม 

.

เน้นผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับที่ทำมาจากอัญมณี เพชร พลอย รวมไปถึงโลหะมีค่า เช่น ทอง เงิน และอื่น ๆ ในปี 2009 PNJ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ของเวียดนาม ซึ่งลักษณะ Business Model มีความคล้ายคลึงกับบริษัท Jubile ของไทยที่จดทะเบียนใน SET Index โดยในปี 2021 ที่ผ่านมา บริษัทมีการพัฒนาการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมไปถึงปรับปรุงการให้บริการสาขาให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้แล้วยังมีการร่วมมือกับคู่ค้าแบรนด์ระดับโลกเพื่อออกสินค้าใหม่ อย่าง Disney และ Pandora  เป็นต้น

.

PNJ มีร้านค้ามากกว่า 343 สาขาทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ 30 เม.ย. 22) แบ่งออกเป็นดังนี้ 

PNJ Gold 324 สาขา

PNJ Silver 10 สาขา

CAO Fine Jewellery   3 สาขา

PNJ Art   3 สาขา

PNJ Style   2 สาขา

PNJ Watch   1 สาขา

.

ปี 2021 แม้ว่าบริษัทจะเจอแรงกดดันจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อคุมการแพร่ระบาดของโควิดในเวียดนาม จนทำให้บริษัทจำเป็นต้องปิดการให้บริการหน้าร้านถึง 283 สาขา เป็นเวลา 80 วัน  รวมไปถึงการหยุดผลิตเครื่องประดับชั่วคราวเป็นเวลาอีก 90 วัน แต่อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงสามารถสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 19,547 พันล้านดอง เติบโต 12% YoYyoy ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,029 พันล้านดอง หดตัวเล็กน้อยเพียง 4 %YoY โดยบริษัทสามารถขายสินค้าเครื่องประดับได้ถึง 2  ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2020 เนื่องจากบริษัทมีการปรับกลยุทธทางการตลาดใหม่ให้มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงปรับปรุงสินค้าเครื่องประดับให้ตรงความต้องการตลาดมากยิ่งขึ้น ทำให้ PNJ สามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง  โดยปัจจุบัน PNJ ยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องประดับในประเทศเวียดนามที่ 56% ณ สิ้นปี 2021

.

มุมมองในอนาคต บริษัทตั้งเป้าขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเนื่องจากโรงงานที่มีอยู่เดิม 2 แห่งทั้ง Long Hau และ Go Vap มีระดับการผลิตที่เต็มความสามารถแล้ว รวมไปถึงวางแผนสร้างโรงงานใหม่แห่งที่ 3  นอกจากนี้มีแผนนำเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงเพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด อีกทั้งยังมีแผนที่จะขยายสาขาให้เป็น 500 สาขา จากเดิม 343 สาขา ภายในปี 2025 คาดว่าจะใช้งบประมาณลงทุนราว 785 พันล้านดอง

.

ปัจจุบัน PNJ มีมูลค่าบริษัทอยู่ราว ที่ P/E อยู่ที่ 18 เท่า ROE ที่ 21% และมีมูลค่าบริษัทราว 27,500 พันล้านดอง หรือราว 41,000 ล้านบาท  และล่าสุดผลประกอบการในไตรมาส 1  ปี 2022 ที่ผ่านมาสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง และเป็นการฟื้นตัวไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันนับตั้งแต่ 3Q21 โดยรายรวมได้ขยายตัวได้ถึง 56% YoY แบ่งเป็น ยอดขายปลีก +61.9%YoY ยอดขายส่ง +30%YoY และ ทองคำแท่ง +66%YoY ขณะที่กำไรหลังหักภาษี +48%YoY จากการที่ PNJ มีการเจาะตลาดกลุ่มที่มีรายได้สูง และพัฒนาผลิตภัณ์ให้ตรงความต้องการของผู้ซื้อมากขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อส่งมอบได้จำนวนที่มากขึ้น  บริษัทคาดว่าอัตราการเติบโตของคนเวียดนามที่มีรายได้ปานกลางและสูงที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จะส่งผลให้ผู้บริโภคมีอำนาจซื้อสินค้าและมีความต้องการเครื่องประดับเพิ่มขึ้นเช่นกัน  จึงทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุนจนเต็ม Foreign Ownership Limit (FOL) ที่ 49% อยู่ตลอดเวลา   

 

5 หุ้นเด่นในเวียดนามที่ทาง FinVest ได้นำมาฝากให้แก่ผู้โดยสารทุกท่านจะเห็นได้ว่าแต่ละบริษัทมีความน่าสนใจมากๆ เนื่องจากมีการเติบโตไปพร้อมๆกับเศรษฐกิจของเวียดนามที่อยู่ในช่วงขยายตัว แล้วหากเกิดสนใจอยากลงทุนในหุ้นที่กล่าวมาจะต้องลงทุนผ่านกองทุนไหน  FinVest มีคำตอบ ซึ่งกองทุนดังกล่าวนั่นก็คือ Vietnam Equity (UCITS) A USD ของ Dragon Capital ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเวียดนามที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และเติบโตในระยะยาว อีกทั้งมีการบริหารกลยุทธการลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนชาวเวียดนามที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญโดยตรง ซึ่งกองทุนไทยที่มีการกระจายการลงทุนไปยังกองทุนนี้ได้แก่

ASP-VIET 

LHVN-A , LHVN-D 

MVIET

SCBVIET(A)

TMB-ES-VIETNAM

UVO

 

นอกจากนี้แล้ว สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนต่างประเทศโดยตรงในกองทุน  Vietnam Equity (UCITS) A USD – Dragon Capital ก็สามารถทำได้ง่ายๆผ่านแอปพลิเคชั่น FinVest  

 

กองทุนนี้ สามารถลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน FinVest ได้เลยที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/cd81c26c
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ Line https://lin.ee/3wINMDBsz
Follow us on Website: www.finvest.co.th

#FinVest #YourWingsYourWays

**ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต**

**การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน**

 

Source:

  • MB Annual Report 2021 , vietstock.vn , vndiect.vn
  •  FPT Annual Report 2021 , Mirae Asset Securities Vietnam , Vietnamstock.vn , Vndirect.com.vn
  • MWG Annual Report 2021 , Mirae Asset Securities Vietnam , Vietstock.vn , Vndirect.com.vn
  • Source :  VPBank Annual Report 2021 , vietstock.vn , fecredit.com.vn , vndirect.com.vn
  • Source : PNJ Annual Report 2021 , vietstock.vn , vndirect.com.vn , Mirae Asset Securities (Vietnam) JSC
Related Posts