เข้าใจศาสตร์มืดที่แก๊ง Call Center ใช้ควบคุมเรา พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ โดย FinVest

เข้าใจศาสตร์มืดที่แก๊ง Call Center ใช้ควบคุมเรา พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ โดย FinVest


59,138 ล้านบาท

นี่คือจำนวนเงินที่ แก๊ง Call Center หลอกลวงเอาจากคนไทยไปในช่วงปี 2565 ถึง 2567 

ถ้านึกภาพไม่ออกว่าเยอะขนาดไหน

เงินจำนวนนี้สามารถสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองได้เลย

เรื่องที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ ดูเหมือนว่าพวกโจรจะมีเทคนิคใหม่ ๆ มาอยู่เสมอ

แล้วจะทำยังไงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ?

FinVest มีคำตอบให้ครับ



เข้าใจศาสตร์มืดที่แก๊ง Call Center ใช้ควบคุมเรา พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ โดย FinVest

  • บอกว่าคุณค้ายา
  • บอกว่าคุณไม่ได้จ่ายค่าไฟ
  • บอกว่าคุณมีบัญชีม้า

สามเหตุการณ์นี้มีจุดเชื่อมอย่างหนึ่งคือ : ทำให้คุณรู้สึกกลัว

มิจฉาชีพจะหลอกให้คุณกังวลในสิ่งที่ไม่ได้ทำ มิจฉาชีพจะบีบเวลาตัดสินใจให้สั้นที่สุด ทั้งหมดนี้เพื่อให้คุณกลัว

  • เวลาที่คุณกลัว คุณจะขาดสติ
  • พอคุณขาดสติ คุณจะตัดสินใจอย่างไม่รอบคอบ
  • และพอคุณไม่รอบคอบ คุณจะถูกเชิดเงินได้อย่างง่ายดาย

นี่คือเหตุผลว่าทำไม Call Center ถึงหลอกคนได้ แม้ว่าหน่วยงานต่าง ๆ จะออกมาบอกวิธีป้องกันอย่างต่อเนื่อง เพราะพวกมันไม่ได้เล่นกับเหตุผล แต่เล่นกับความกลัวในจิตใจของมนุษย์

นอกจากความกลัวแล้ว อีกอารมณ์หนึ่งที่ใช้ผลักดันผู้คนคือความโลภ มิจฉาชีพอาจส่ง SMS บอกว่าคุณคือผู้โชคดี หลอกให้คุณกดลิงก์เพื่อรับของรางวัล ตอนแรกคุณอาจจะรู้สึกโชคดี แต่พอรู้ตัวอีกทีคุณคือผู้โชคร้าย





3 ท่า ที่มิจฉาชีพใช้ปล้นเงินจากเรา

  1. Call Center – โทรมาขู่ว่าเราทำผิด จากนั้นจะเอาข้อมูลส่วนตัวของเราไป
  2. SMS ดูดเงิน – หลอกว่าเราลืมชำระค่าน้ำ ค่าไฟ หรือหลอกว่าเราเป็นผู้โชคดี โดยให้ลิงก์มากด จากนั้นจะเอาข้อมูลส่วนตัวของเราไป
  3. แอปฯ ปลอม – อาจจะหลอกตั้งแต่ใน App Store หรือหลอกให้ติดตั้งแอปฯ ผ่านการคุยโทรศัพท์




สติคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด

  • สติมา ปัญญาเกิด

ถ้าเราเข้าใจเทคนิคที่มิจฉาชีพใช้ชี้นำเรา ว่ามาจากอารมณ์กลัวและโลภ การจะหลุดจากวงจรนี้ได้คือการนำสติกลับมาเท่านั้น แน่นอนว่าการมีสติเป็นเรื่องที่พูดง่าย แต่ทำยาก วันนี้เราเลยมี 3 เทคนิค เรียกสติ ป้องกันภัย ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพกันครับ





3 วิธีป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ


1. ตัดสายให้ไว ไม่คลิก ไม่กรอก

ถ้าสงสัยว่าตัวเองกำลังคุยกับแก๊ง Call Center อยู่หรือไม่ ให้ลองตัดสายไปตั้งสติก่อน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นมิจฉาชีพ เราจะโทรกลับไม่ได้ เพราะว่าส่วนใหญ่โทรเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแนะนำว่าอย่าโทรกลับ แต่ให้หาเบอร์โทรศัพท์ทางการของหน่วยงานที่โทรมา แล้วโทรไปทางช่องทางนั้นจะปลอดภัยกว่า ถ้าเจอลิงก์ต้องสงสัยผ่าน SMS ให้โหลดแอปฯ ห้ามคลิก ห้ามกรอก


2. ใช้เครื่องมือตรวจสอบถึงความน่าเชื่อ

การติดตั้งแอป Whoscall ช่วยป้องกันให้เบอร์แปลกประหลาดโทรเข้ามาหาเรายากขึ้น เพราะตัวแอปฯ มีฐานข้อมูลของเบอร์แปลกที่ผู้ใช้ช่วยกันรายงานเข้ามานั่นเอง ก่อนการทำธุรกรรมออนไลน์ เราต้องมั่นใจก่อนว่าเราจะไม่โดนฉ้อโกง ตรวจสอบได้ผ่าน www.blacklistseller.com


3. ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว

ห้ามเลย ห้าม ถ้ามีคนปลอมเป็นธนาคารหรือเจ้าหน้าที่รัฐมาข้อมูลสำคัญส่วนตัวผ่านโทรศัพท์ เช่น

  • เลขบัตรประชาชน
  • เลขหลังบัตรประชาชน
  • บัญชีธนาคาร

เพราะปกติเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือเจ้าหน้าที่รัฐจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาดครับ แต่ถ้าไม่แน่ใจ หรือกังวลว่าเป็นเรื่องจริง ให้ตอบกลับไปว่า เดี๋ยวจะไปจัดการเดินเรื่องเองที่สาขา




ถ้าโอนเงินไปแล้ว ทำอย่างไร?

ต้องบอกว่าถ้าโอนเงินไปแล้ว ณ ปัจจุบัน โอกาสได้คืนยังน้อยมาก แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่พอจะทำได้คือแจ้งความและให้ข้อมูลเป็นเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ รวมถึงให้ทางธนาคารตรวจสอบและอายัดบัญชีปลายทาง แน่นอนว่ามีโอกาสสูงมาก ๆ ที่บัญชีปลายทางจะเป็นบัญชีม้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย




*ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
**การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน


#FinVest #YourWingsYourWays

Related Posts