ค่าธรรมเนียมกองทุนรวม เรื่องที่นักลงทุนต้องรู้ โดย FinVest

ค่าธรรมเนียมกองทุนรวม เรื่องที่นักลงทุนต้องรู้ โดย FinVest

ค่าธรรมเนียมในการลงทุน 

เป็นเรื่องที่นักลงทุนกองทุนรวมต้องรู้

ถ้าไม่อยากให้ผลตอบแทนลดลง

ว่าแต่ค่าธรรมเนียมนั้นมีอะไรบ้าง

.

┏━━━━━━━━━━━━━┓

🍭 โปรโมชัน FinVest DCA Cashback รับเงินคืน สูงสุด 0.2%* 👆

🍭 DCA ที่ FinVest เจ๋งอย่างไร? พร้อมขั้นตอน DCA 👆

🍭 กองทุนเต็มไปหมด ทีนี้ก็ว้าวุ่น ให้เราช่วยคุณ กับโพยลงทุน จาก FinVest 👆

🍭 มัดรวมโปรโมชันกองทุนส่งตรงจากบลจ. ครบ จบ ที่เดียว 👆

┗━━━━━━━━━━━━━┛

.

ค่าธรรมเนียมกองทุน เรื่องที่นักลงทุนกองทุนรวมต้องรู้ โดย FinVest

.

ทำไมกองทุนต้องมีการเก็บค่าธรรมเนียมด้วย ?

ลองนึกถึงเวลาที่เราไม่อยากทำอาหารแล้วเราไปร้านอาหารแล้วทานอาหารอร่อยๆ เราก็ต้องเข้าใจว่าร้านอาหารก็ต้องมีการจ้างพ่อครัว พนักงานเสิร์ฟ ผู้จัดการร้าน

ในการบริหารจัดการกองทุน ก็มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน ไหนจะค่าการตลาด ค่าจ้างผู้จัดการกองทุน ค่านายทะเบียน และอื่นๆ อีกมาก

ฟังดูเยอะใช่ไหมครับ แต่จริงๆ ถ้าเข้าใจ และจัดหมวดหมู่ได้ มันก็ไม่เยอะเท่าไรครับ

เอาล่ะ มาต่อกันครับ ค่าธรรมเนียม ที่กองทุนเรียกเก็บ หลักๆ แล้วเราแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ 

  • ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย
  • ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม

ทีนี้เรามาทำความเข้าใจความหมายของแต่ละตัวกันดีกว่า

.

1. ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย

ค่าธรรมเนียมแบบนี้เกิดขึ้นในขณะที่ผู้ลงทุนทำการซื้อ ขาย หรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยจุดสำคัญของค่าธรรมเนียมประเภทนี้ คือ ค่าใช้จ่ายจะเกิดขึ้นครั้งเดียว

โดยค่าใช้จ่ายหลักๆ ในหมวดนี้จะมีสามค่าธรรมเนียมด้วยกัน ได้แก่

  • Front-End Fee
  • Back-End Fee
  • ค่าธรรมเนียมในการสับเปลี่ยน

ยังทันอยู่ใช่ไหมครับ? ทีนี้ค่าธรรมเนียมที่เจอบ่อยที่สุดจะมีสองตัว มาดูกันต่อว่าค่าธรรมเนียมทั้งสองคืออะไร

.

Front-End Fee หรือ ค่าธรรมเนียมการขาย

เป็นค่าธรรมเนียมที่ ผู้ลงทุนต้องจ่ายเมื่อซื้อหน่วยลงทุน แต่หลายคนอาจจะงงว่า นี่เราเพิ่งซื้อกองทุนไป ทำไมถึงเรียกส่วนนี้ว่าค่าธรรมเนียมขายล่ะ?

เหตุผลก็เพราะ ทางกองทุนจะเป็นผู้ขายหน่วยลงทุนให้เราครับ

แปลว่าถ้าวันหลังเจอคำว่า ค่าธรรมเนียมการขาย ก็ไม่ต้องตกใจนะครับ

.

Back-End Fee หรือ ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน

เป็นค่าธรรมเนียมที่ ผู้ลงทุนต้องจ่ายเมื่อขายหน่วยลงทุน คล้ายๆ กันกับด้านบนเลย คือ ถ้าเราขายหน่วยลงทุน กองทุนจะทำหน้าที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนนั่นเอง

.

ตัวอย่างของการคิด Front-End Fee

สมมติว่ากองทุน A มี NAV ที่ 10 บาท และเก็บค่าธรรมเนียม Front-End ที่ 1% ถ้าเราซื้อกองทุนด้วยเงิน 1,000 บาท จะเกิดอะไรขึ้น ?

สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแรกคือค่าธรรมเนียม 1% จะถูกเพิ่มเข้าไป ทำให้ผู้ลงทุนจะต้องจ่าย 10.1 บาทเมื่อซื้อหน่วยลงทุน

ทีนี้เมื่อผู้ลงทุนส่งคำสั่งซื้อด้วยเงิน 1,000 บาท แทนที่ผู้ลงทุนจะได้หน่วยลงทุน 100 หน่วย ก็จะได้เพียงแค่ 99 หน่วย

.

ตัวอย่างของการคิด Back-End Fee

สมมติว่ากองทุน B มี NAV ที่ 10 บาท โดยกองทุน B แตกต่างจากกองทุน A ตรงที่ไม่มี Front-End แต่ว่ากองทุนเก็บแค่ Back-End ที่ 1% 

สมมติว่านักลงทุน เริ่มต้นมีกองทุนรวมมูลค่า 1,000 บาท ที่ NAV 10 บาท หรือคิดเป็นหน่วยลงทุน 100 หน่วย

ทีนี้มาถึงจุดสำคัญ ถ้าเกิดว่านักลงทุนขายหน่วยลงทุนที่ราคาเดิม 10 บาท ค่าธรรมเนียม 1% จะถูกนำมาคิดตรงนี้ แล้วหักออกอัตโนมัติจากหน่วยลงทุน

แปลว่าผู้ลงทุนจะได้รับเงิน 9.9 บาทต่อหน่วยลงทุน เมื่อขายออกไป

ดังนั้น แทนที่นักลงทุนจะได้ 1,000 บาทกลับมา แปลว่านักลงทุนจะได้เงินแค่ 990 บาทเท่านั้นครับ

.

แล้วถ้ากองทุนมีทั้ง Front-End และ Back-End ล่ะ

แต่ถ้ามีทั้ง Front-End และ Back-End ก็โดนค่าธรรมเนียมเบิ้ลสองทีแบบไม่ต้องสืบเลยล่ะครับ

.

.

2. ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม

มาที่ค่าใช้จ่ายอีกส่วน ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้คือ ค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายทุกวัน เพื่อให้กองทุนดูแลเงินของเรา โดยจะแยกย่อยออกเป็น

  • Management Fee (ค่าธรรมเนียมการจัดการของผู้จัดการกองทุน)

และส่วนค่าธรรมเนียมอื่นๆ 

  • Trustee Fee (ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์)
  • Registrar Fee (ค่าธรรมเนียมนายทะเบียน)
  • Custodian Fee (ค่าธรรมเนียมรับฝากสินทรัพย์)
  • นอกจากนี้ก็ยังมีอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ค่าธรรมเนียมจ่ายในการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ ค่าธรรมเนียมผู้สอบบัญชี ค่าธรรมเนียมการจัดทำและแจกจ่ายหนังสือชี้ชวน

.

ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในแต่ละส่วนจะไม่เท่ากัน ตัวอย่างของการคิดค่าธรรมเนียมที่เก็บจากทรัพย์สินของกองทุน

กองทุนจะหักคิดค่าธรรมเนียมการจัดการเป็น % จาก NAV โดยคิดเป็นค่าใช้จ่ายรายวัน ยกตัวอย่างเช่น ค่าธรรมเนียมรายปีของกองทุนเท่ากับ 2% 

ถ้าเราถือกองทุน 1 วัน ก็จะถูกคิดค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม เท่ากับ 2%/365 = 0.005%

แต่เราไม่ต้องกังวลว่าเค้าจะมาเรียกเก็บเงินกับเราทุกวันให้วุ่นวายนะครับ เพราะ ค่าธรรมเนียมส่วนนี้จะหักออกจาก NAV ของเราไปเองในทุกๆ วันเอง แต่ด้วยความไม่วุ่นแบบนี้เอง จาก ค่าธรรมเนียม ก็กลายเป็น “ค่าทำเนียน” ได้ง่ายๆ เลยนะครับ

.

มาดูตัวอย่างของจริงใน Fund Fact Sheet กัน

ตัวอย่างที่เห็นนี่คือการคิดค่าธรรมเนียมของ SCBS&P500 ในหนังสือชี้ชวน จะเห็นว่าเค้าจะมีการแบ่งหมวดหมู่ให้เห็นชัดเจนเลยว่าส่วนไหนเป็น ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย ส่วนไหนเป็น ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม ตามที่เราคุยกันไปก่อนหน้าเลย

.

สิ่งที่นักลงทุนควรรู้เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม

  • ยิ่งค่าธรรมเนียมกองทุนต่ำ ผลตอบแทนสุทธิที่ทำได้ยิ่งสูง ผลตอบแทนที่ทบต้น ค่าธรรมเนียมก็ทบต้นได้
  • กองทุนที่เป็น Passive Fund ควรจะมีค่าธรรมเนียมถูกกว่า Active Fund
  • บางกองทุนอาจจะมีการฟรีค่าธรรมเนียม Front-End แล้วไปเก็บค่าธรรมเนียม Back-End เยอะขึ้น เพราะมองว่าสินทรัพย์ของกองทุนน่าจะเพิ่มขึ้น และการไปเก็บทีเดียวตอนขายจะทำให้กองทุนเก็บค่าธรรมเนียมได้มากกว่า

.

┏━━━━━━━━━━━━━┓

💫 FinVest แอปลงทุนแบบใหม่ ที่ได้รวบรวมกองทุนทั่วโลก มาให้คุณเลือกกองทุนที่เหมาะสม และตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ได้ง่าย ๆ

⭐️ ลงทุนได้ทั้งไทยและเทศ แอปแรกในไทย ให้คุณลงทุนได้จาก 43 บลจ. ชั้นนำ

⭐️ ใช้งานง่าย เริ่มต้นแค่มือถือเครื่องเดียว ทำได้ตั้งแต่เปิดบัญชียันซื้อขายง่ายแค่ปลายนิ้ว

⭐️ เคียงข้างคุณ มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยอัปเดตสภาพตลาด รวมถึงชี้เป้าการลงทุน

🔗 เริ่มลงทุน – แอป FinVest

🔗 สอบถาม – LINE

🔗 ติดตาม – Facebook / Instagram

🔗 อ่านบทความ – Website

┗━━━━━━━━━━━━━┛

#FinVest #YourWingsYourWays

.

* ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต

** การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

Related Posts