นี่คือรูปแบบการปกครองของสหรัฐฯ
- ประธานาธิบดี
- สภาสูง หรือ วุฒิสภา
- สภาล่าง หรือ สภาผู้แทนราษฎร
โดยระบบออกแบบมาเพื่อให้สองสภาคานอำนาจซึ่งกันและกัน
ณ ตอนนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ และพรรคริพับลิกัน ชนะการเลือกตั้ง แม้ในบางมิติอาจจะไม่ได้ขาดลอย แต่ก็ชนะแล้วทั้ง 3 ส่วน
แล้วสำคัญอย่างไร ?
การเปิดทางให้ทรัมป์มีโอกาสผ่านกฎหมายและผลักดันนโยบายตามที่หาเสียงเอาไว้ได้ง่ายขึ้น
แล้วนโยบายที่ทรัมป์หาเสียงไว้มีนโยบายไหนที่นักลงทุนต้องติดตาม มาดูกันครับ
จับจังหวะลงทุน กับ 6 กองทุน เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ และ ริพับลิกัน ชนะเลือกตั้ง โดย FinVest
1. การลดกฎระเบียบในหลายอุตสาหกรรม
รัฐบาลของทรัมป์มุ่งเน้นไปที่การลดกฎระเบียบในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผ่อนคลายเกณฑ์ด้านเงินทุน หรือ การอนุญาตควบรวมบริษัทให้เป็นไปได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
การลดกฎระเบียบข้างต้น = ธนาคารปล่อยกู้หรือเป็นที่ปรึกษาการทำดีลได้มากขึ้น = บริษัทมีกำไรเติบโตมากขึ้น
กองทุนน่าสนใจ: LHUSFIN-A
จุดเด่นกองทุน LHUSFIN-A 3 ข้อ
- ลงทุนในกองทุนหลัก iShares U.S Financial Services ETF
- โดยกองทุนหลักมีจุดประสงค์คือทำผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด Dow Jones U.S Financial Services Index
- กองทุนลงทุนในกลุ่มการเงิน ครอบคลุมทั้งกลุ่มธนาคาร ไปจนถึง Consumer Finance จบครบในกองเดียว
2. นโยบายการลดภาษีนิติบุคคล
การตั้งเป้าลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 15% จาก 21% ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นผลดีต่อบริษัทในประเทศสหรัฐฯ โดยเฉพาะกับกลุ่มบริษัทขนาดเล็กที่มีโอกาสได้ประโยชน์เน้น ๆ จากผลกระทบของการตั้งกำแพงภาษีหรือเรื่องของค่าเงินที่จำกัด
กองทุนน่าสนใจ: ASP-USSMALL
จุดเด่นกองทุน ASP-USSMALL 3 ข้อ
- ลงทุนในหน่วยของกองทุน Virtus GF U.S Small Cap Focus Fund
- ลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ ที่ปัจจุบัน Valuation ไม่แพง
- ผู้จัดการกองทุนมีประสบการณ์การลงทุนกว่า 24 ปี เอาชนะดัชนี Russell 2000 ได้อย่างต่อเนื่อง
3. เพิ่มภาษีนำเข้าจากต่างประเทศ
ทรัมป์มาพร้อมสโลแกน “Make America Great Again”
วิธีการที่จะทำแบบนั้นคือกีดกันการค้าจากต่างประเทศ ซึ่งวิธีการคือเสนอเก็บภาษีนำเข้าจากทุกประเทศในอัตรา 10-20% จากอัตราเฉลี่ยที่ 3% ในปัจจุบัน
แต่ที่น่ากังวลที่สุดคือประเทศจีน เพราะทรัมป์เล็งจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 60% จากอัตราเฉลี่ย 20% ในปัจจุบัน
แต่นโยบายดังกล่าวอาจจะไม่ใช่วิกฤตเสียทีเดียว
เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้กับประเทศอื่นที่เป็นฐานการผลิตซึ่งไม่ใช่ประเทศจีน ประเทศที่พึ่งพาการเติบโตภายในประเทศ
และประเทศที่ว่าคืออินเดีย
กองทุนน่าสนใจ: K-INDIA-A(A)
จุดเด่นกองทุน K-INDIA-A(A) 3 ข้อ
- ลงทุนในอินเดีย ประเทศที่มีประชากรหนุ่มสาวมากที่สุดในโลก
- ลงทุนในกองทุนหลัก Goldman Sachs India Equity ที่เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดี เติบโตสูง และซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน
- ไม่ปิดโอกาสลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าดัชนีชี้วัดในระยะยาว
4. สนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันในประเทศ
ทรัมป์ไม่มีแผนที่จะสนับสนุนพลังงานสะอาด
แต่ทรัมป์สนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันในประเทศรวมเพื่อลดการพึ่งพิงการนำเข้าน้ำมัน
ดังนั้นบริษัทที่ได้ประโยชน์โดยตรงคือกลุ่มพลังงานดั้งเดิม
กองทุนน่าสนใจ: KT-ENERGY
จุดเด่นกองทุน KT-ENERGY 3 ข้อ
- ลงทุนใน BGF World Energy Fund ที่ลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่ครอบคลุมทั้ง Supply Chain ของกลุ่มพลังงาน ตั้งแต่การสำรวจไปจนถึงจัดจำหน่าย
- คัดเลือกหุ้นที่มีขนาดใหญ่ กระแสเงินสดดี ลงทุน
- กลุ่มพลังงานหลักยังเป็นสินค้าจำเป็น ที่พลังงานทดแทนยังผลิตไม่ทันความต้องการใช้งานในปัจจุบัน
5. สนับสนุนคริปโทฯ
ปัจจุบัน ทรัมป์ มองว่าว่า Cryptocurrency อาจเป็น “ตัวกำหนดอนาคต”
โดยเขามีนโยบายอยากทำให้สหรัฐฯ เป็น “Crypto Capital City of Planet” โดยต้องการให้มันถูก “ขุด ผลิต และสร้างในสหรัฐอเมริกา”
นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการสะสม Bitcoin เชิงยุทธศาสตร์ของชาติ คล้ายกับการสะสมน้ำมันหรือทองคำอีกด้วย
กองทุนน่าสนใจ: ASP-DIGIBLOC
จุดเด่นกองทุน ASP-DIGIBLOC 3 ข้อ
- ลงทุนในกองทุน ETF หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล และเทคโนโลยีบล็อกเชน ได้ในกองทุนเดียวง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน
- ลงทุนครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกลับ Blockchain เช่น Hardware Software Crypto Miners รวมถึง Payment Gateway
- ลดความเสี่ยงจากการโดนโกงเพราะผู้จัดการกองทุนจัดการให้
6. การใช้นโยบายแบบขาดดุลทางการคลังและสนับสนุนการลดดอกเบี้ย
การใช้นโยบายแบบขาดดุลของ ทรัมป์ มีแนวโน้มทำให้ฐานะทางการคลังอ่อนแอลง ซึ่งส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ประกอบกับเงินเฟ้อมีโอกาสเร่งตัวจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้า อีกทั้ง ทรัมป์ ยังสนับสนุนการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้ทองคำทำผลตอบแทนได้ดีในระยะกลางถึงยาว
กองทุนน่าสนใจ: KF-HGOLD
จุดเด่นกองทุน KF-HGOLD 3 ข้อ
- ลงทุนใน SPDR Gold Trust ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% เสมอ
- กองทุนค่าธรรมเนียมไม่แพง ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีอ้างอิง
*ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
**การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
#FinVest #YourWingsYourWays