สรุปกองทุน MHEALTH กอง IPO น้องใหม่จาก MFC

สรุปกองทุน MHEALTH กอง IPO น้องใหม่จาก MFC

ทำไมต้องกองทุน MHEALTH

กองทุน MHEALTH ลงทุนในกองทุนหลักอย่าง BGF World Healthscience Fund ที่ลงทุนใน 4 กลุ่มเด่นในหมวดอุตสาหกรรมการแพทย์ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ กลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ทางการแพทย์

โดยกองทุน BGF World Healthscience Fund ถูกบริหารงานโดย Blackrock บริษัทบริหารสินทรัพย์อันดับต้น ๆ ของโลก โดยที่ทีมบริหารการลงทุนไม่ได้มีแค่ความรู้ด้านการเงินการลงทุนเท่านั้น แต่ยังมีความเชี่ยวชาญทางด้าน Biochemistry, Biophysics, Chemistry, และ Molecular medicine อีกด้วย

ขั้นตอนการลงทุนของ BGF World Healthscience Fund

  1. ศึกษาธีม Healthcare ที่น่าสนใจลงทุน
  2. คัดเลือกหลักทรัพย์โดยใช้วิธี Bottom up เพื่อศึกษาปัจจัยพื้นฐานสำหรับหุ้นรายตัว โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านต่าง ๆ มีการวิเคราะห์ Upside Downside เพื่อประเมินความเสี่ยง
  3. คัดเลือกหุ้นที่น่าสนใจนำมาจัดพอร์ตเพียง 90 – 140 ตัว  โดยไม่จำกัดขนาดบริษัทตายตัว เน้นเป็นหุ้น Large Cap
  4. ทางทีมบริหารกองทุนมีการตรวจสอบพอร์ตและมีการบริหารความเสี่ยงรายวัน

ทำไมต้องธีม Healthcare ?

ต้องยอมรับว่าภาพรวมของอุตสาหกรรม Healthchare นั้นมีแรงหนุนจากหลายปัจจัย และที่สำคัญเป็นแรงหนุนในะระยะยาว เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เราจะมาเจาะลึกกันว่ามีปัจจัยใดบ้างที่น่าสนใจ เพื่อความกระชับ เราจะขมวดเป็น 2 ประเด็นกว้าง ๆ ให้นักอ่านทุกท่านครับ

ปัจจัยหนุนอุตสาหกรรม Healthcare

1.ประชากรก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายสุขภาพที่มากขึ้น

ไม่ใช่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่เจอกับปัญหาผู้สูงอายุ แต่ปัญหานี้เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก จากการแพทย์ที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดย UN World Population Prospects คาดการณ์ว่า จำนวนประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมีสัดส่วนถึง 22.49% ของประชากรโลกในปี 2100

และเหตุนี้เองค่าใช้จ่ายทางการรักษาพยาบาลของแต่ละคนมีแนวโน้มสูงขึ้นตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายจะเริ่มเป็นเทรนด์ขาขึ้นเมื่ออายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป

แต่โดยธรรมชาติของมนุษย์ไม่มีใครที่อยากเจ็บป่วย และนั่นทำให้ตลาดการรักษาสุขภาพบูมขึ้นมา โดยมีการคาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2033 – 2040 ค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพ เพื่อป้องกันการเกิดโรค จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าค่ารักษาพยาบาลอีกด้วย (ข้อมูลจาก Bank of America)

2.นวัตกรรมทางการแพทย์ มีการพัฒนาอยู่ต่อเนื่อง

อุตสาหกรรม Healthcare ได้รับการสนับสนุนในระยะยาวจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น การนำ AI (Artificial Intelligence) มาใช้ช่วยตรวจโรคมะเร็ง ซึ่งจะมีความแม่นยำสูงถึง 99%

หรือการใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ที่ในปี 2025 คาดว่าจะมีมูลต่าตลาดมากกว่า 7 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 3 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2019

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกอีกมาก เช่นการใช้ภูมิคุ้มกันวิทยา ( Immunology )ที่ปัจจุบันเริ่มเป็นแนวทางการรักษาที่ได้รับความนิยมมากขึ้น  การใช้เทคโนโลยีการตรวจยีนส์ในการวินิจฉัยโรคก่อนเกิด รวมไปถึงการใช้เครื่องมือวัดหรือ Bio – Sensors ที่ช่วยให้การติดตามข้อมูลของผู้ป่วยมีความแม่นยำมากขึ้น

แต่นอกจากเรื่องปัจจัยเชิงคุณภาพแล้ว อุตสาหกรรม Healthcare ยังมีปัจจัยเชิงปริมาณที่น่าสนใจมากอีกด้วย

ปัจจัยเชิงปริมาณที่ทำให้อุตสาหกรรม Healthcare น่าดึงดูด

1.ในช่วง 10 ปีที่ผ่าน หุ้นกลุ่ม Healthcare สร้างผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่ง ให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับความเสี่ยง (Risk-Adjusted Return) เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ

2. หุ้นกลุ่มการแพทย์มีลักษณะ Defensive ซึ่งเหมาะกับช่วงที่ตลาดผันผวนหรือเป็นขาลง เพราะสามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อได้ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มการแพทย์ มีผลตอบแทนขาลงที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดรวม

ลงทุนในกลุ่มธุรกิจใดบ้าง ?

 จากที่กล่าวไปก่อนหน้าแล้วว่ากองทุน  BGF World Healthscience Fund ลงทุนในกลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ กลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่เราจะมาเจาะลึกข้อดีของแต่กลุ่ม

กลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ (Pharmaceuticals)

กลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ อย่างอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์เปนอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงในการวิจัยและพัฒนา ทําให้ฐานการผลิตยาและเวชภัณฑ์หลักของโลกโดยเฉพาะยาจดสิทธิบัตร กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น

โดยทั่วไปแล้วกลุ่มธุรกิจซึ่งผลิตยามักแบ่งเปน  2 ประเภท ได้แก่ ยา Generic (ยาสามัญ หรือยาที่หมดสิทธิบัตรแล้ว) และยา Original (ยาที่จดสิทธิบัตร)

ยกตัวอย่างยา Generic เช่นตัวยาแก้ปวดอย่าง Paracetamol ที่ปัจจุบันสิทธิบัตรหมดอายุลงแล้ว จึงทำให้มีผู้ผลิตหลายยี่ห้อในช่วงราคาที่แตกต่างกัน

ในทางกลับกัน ตัวยา Original ที่ยังถูกจดสิทธิบัตร เช่นตัวยา OnabotulinumtoxinA ซึ่งฟังดูไม่คุ้นหูเอาเสียเลย แต่ถ้าได้ยินชื่อทางการค้าหลาย ๆ คนคงร้องอ๋อ เพราะว่ามันคือ Botox ที่ไว้ใช้เสริมความงามสำหรับสาว ๆ นั่นเอง โดยในปัจจุบัน Botox นั้นเป็นสิทธิบัตรของ Abbvie

 

กลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ (Healthcare Providers & Services) 

ในธุรกิจบริการทางการแพทย์นี้ประกอบไปด้วย ประกันสุขภาพ โรงพยาบาล และผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพแบบออนไลน์

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีสวัสดิการรัฐในการรักษาพยาบาลน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ ส่งผลให้การทำประกันสุขภาพเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก

นอกจากนี้ ในกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ยังมีบริการทางด้าน Telehealth ธุรกิจน้องใหม่ที่ไฟแรงมาก ๆ เพราะค่อนข้างตอบโจทย์คนที่ต้องการพบแพทย์ แต่ไม่อยากเดินทาง ที่คาดว่าจะเติบโตได้อย่างมากในอนาคต โดยมีการคาดการณ์จาก Mckinsy ว่าตัวเลขขนาดตลาดในปี 2020 ที่มีขนาดตลาด 63 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ จะเติบโตเป็น 167 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025

 

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)

 

โลกหมุนไปข้างหน้าทุกวัน ดังนั้นวิธีการรักษาโรคต่าง ๆ ก็ต้องพัฒนาตามไปด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรค รวมไปถึงการเตรียมตัวรับมือกับโรคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในอนาคต ทำให้กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืนนั่นเอง

 

กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical Devices & Supplies)

กลุ่มธุรกิจอุปกรณท์างการแพทย์ ผลิตเครื่องมือ อุปกรณ์การแพทย์ รวมถึงอุปกรณ์ทีใช้ในโรงพยาบาล เป็นหนึ่งในธุรกิจการแพทย์ที่เราไม่อาจมองข้ามได้ โดยตัวอย่างเช่น ผ้าพันแผล เตียงคนไข้ หรือน้ำยาล้างไต และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกมาก ธุรกิจนี้จะได้รับประโยชน์เมื่อมีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับภาพใหญ่ของทางกองทุนที่มองว่าสัดส่วนผู้สูงอายุจะมากขึ้นนั่นเอง

โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดอุปกรณ์การแพทย์ทั่วโลก มีมูลค่าตลาดสูงถึง 434.2 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2021 และคาดว่าจะสูงถึง 625.3 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2027 อีกด้วย (ข้อมูลจาก ResearchandMarkets)

ถ้าอยากลงทุนใน MHEALTH ต้องทำอย่างไร ?

ถ้าอยากลงทุนในกองทุนนี้ ต้องขอบอกว่าต้องรีบหน่อย เพราะว่ากองทุน  MHEALTH เปิดทำการเสนอขายครั้งแรกในวันที่ 6 -15 มิถุนายน 2022 นี้เท่านั้น ช้าหมดอดไม่รู้ด้วยนะ

หรือถ้าอยากลงทุนกองแม่อย่าง BGF World Healthscience Fund ได้โดยตรง ก็สามารถทำได้ เพราะ FinVest เปิดโอกาสให้ลงทุนไทยสามารถลงทุนได้ทั่วโลกแล้ว

กองทุนนี้ สามารถลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน FinVest ได้เลยที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/cd81c26c
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ Line https://lin.ee/3wINMDBsz
Follow us on Website: www.finvest.co.th

#FinVest #YourWingsYourWays

Related Posts