การเติบโตของตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) และตลาดเอเชีย (Asia Markets) ที่นำโดยจีนและประเทศในแถบทวีปเอเชียที่มีศักยภาพการเติบโตก่อนและหลังวิกฤตโควิด-19 ในระดับที่สูงจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต แม้ว่าตลาดเกิดใหม่จะเจอผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ก็มีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ในเดือนเมษายน 2021
ทั้งนี้ IMF ได้มีการปรับประมาณการการเติบโตของตลาดเกิดใหม่ไว้ในปี 2021 และ 2022 ที่ 6.7% และ 5.0% ตามลำดับซึ่งสูงกว่าการเติบโตของประเทศพัฒนาแล้ว ที่ผ่านมาธีมการลงทุนตลาดเกิดใหม่ได้กลับมาสร้างผลการดำเนินการที่โดดเด่นไม่แพ้ธีมการลงทุนประเภทอื่น ๆ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศในทวีปเอเชีย เช่น จีนที่เป็นประเทศแรกที่ฟื้นตัวได้รวดเร็วด้วยการเดินหน้าสนับสนุนนโยบายด้านเศรษฐกิจให้กลับมาอีกครั้ง รวมไปถึงไต้หวัน เกาหลีใต้ ที่มีแผนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และพัฒนาด้านธุรกิจอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นนำที่เป็นที่จดจำระดับโลก สังเกตุได้ว่า หุ้นเทคที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2020 เป็นบริษัทเอเชียถึง 4 บริษัท ทำให้เอเชียถือเป็นแหล่งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของโลกและมีการเติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่ม Middle Class ซึ่งเป็นผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมหาศาล
FinVest คัดเลือกกองทุนที่มีนโยบายโดดเด่น และทิศทางการดำเนินงานเพื่อนักลงทุนมาให้กับ กองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ M-EM
M-EM กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต
กองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่โอกาสการลงทุนเทคโนโลยีมาแรง
การเติบโตของตลาดเกิดใหม่ นั้นคือกลุ่มธุรกิจที่กำลังมาแรง ยอดนิยม มีกำลังการซื้อมาก ซึ่งยังมีโอกาสที่สามารถแสดงศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งได้ในอนาคต เนื่องจากทรัพยากรและกำลังแรงงานที่มีเพียงพอและมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ความเก่ง ที่สามารถพัฒนาได้ต่อเรื่อย ๆ นอกจากเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ทรัพยากร และตลาดแรงงานแล้ว การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจก็มีความสำคัญเช่นกัน
ด้านเศรษฐกิจ คาดว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนรวมถึงเศรษฐกิจของประเทศในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) จะสามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้นในช่วงตั้งแต่ปี 2564 และคาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีกว่าประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากการเข้าถึงวัคซีนต้านโควิด-19 ที่มากขึ้นทั่วโลก การสนับสนุนด้านนโยบายการเงินและการคลังของรัฐบาล ความตึงเครียดการค้าจีน-สหรัฐที่มีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ นายโจ ไบเดน อีกทั้งจากแนวโน้มการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ
กองทุน M-EM เห็นโอกาสการลงทุนตลาดเกิดใหม่ จึงมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนทั่วโลกในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ในบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่ลงทุน และกำลังเป็นเทรนด์ในปัจจุบัน โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ Baillie Gifford Worldwide Emerging Markets Leading Companies Fund
กองทุน Baillie Gifford Worldwide Emerging Markets Leading Companies Fund มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนรวมสูงสุดให้กับผู้ลงทุน โดยจะลงทุนส่วนใหญ่ในตราสารทุนของบริษัทที่มีรายได้หลัก หรือมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets)
นอกจากนี้ จุดเด่นของกองทุนหลัก คือ การเน้นลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตของกำไรสูง และมีแนวทางการลงทุนระยะยาว โดยจะกระจายลงทุนในตราสารทุนจำนวน 35-60 หลักทรัพย์ และกองทุนหลักยังได้รับการจัดอันดับเรตติ้ง 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์อีกด้วย
ตัวอย่างบริษัทที่ลงทุน
Alibaba Group Holding ผู้นำบริษัทด้าน E-Commerce การขายของออนไลน์ค้าปลีก อินเทอร์เน็ต AI และเทคโนโลยีข้ามชาติของจีน
Tencent Holdings บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จีน ซึ่งทำธุรกิจมากมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีแอปพลิเคชันออนไลน์ เจ้าของแอป Wechat ชื่อดังและเจ้าของธุรกิจเกมออนไลน์
Taiwan Semiconductor Manufacturer บริษัทสัญชาติไต้หวันผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 52% โดย Apple และ Huawei ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของ TSMC