ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าตลาดผันผวนเป็นพิเศษ ด้วยปัจจัยลบต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาทั้งยอดจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid ในจีนที่สูงขึ้นจนทางการสั่งปิดเมืองเซิ่นเจิ้น สร้างความกังวลให้นักลงทุนจนส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนติดลบอย่างหนัก หรือจะเป็นสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ที่ผลักดันราคาน้ำมันและเงินเฟ้อขึ้นสูงจนระบบการเงินทั่วโลกถึงกับปั่นป่วน และประเด็นสุดท้ายที่ยังค้างคาและคลุมเครือคงหนีไม่พ้นการประชุม Fed ซึ่งถ้าออกมาในโทนลบ นั่นอาจจะเป็นดาบสุดท้ายที่แทงซ้ำไม่ให้ตลาดหุ้นได้ฟื้นตัวไปอีกพักใหญ่
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเต็มไปด้วยความผันผวนและความคลุมเครือ แต่ทางเราเองก็ยังทำงานกันอย่างหนักเพื่อคัดสรรกองทุนที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดให้นักลงทุนทุกท่านเหมือนเช่นเคย
ในตอนก่อนหน้า เราได้พูดถึงประเด็นที่ว่า ไม่มีสินทรัพย์ใดที่เป็นพระเอกตลอดกาล อ่านต่อได้ที่ Finvest.co.th/5globalallocation22/ และทางออกของปัญหาที่ว่าถ้าให้สรุปสั้น ๆ คงหนีไม่พ้นการกระจายการลงทุน
เราจึงมุ่งค้นคว้ากองทุนในธีมกระจายการลงทุน จนกระทั่งค้นพบกองทุนกองหนึ่งซึ่ง IPO มาตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งถือได้ว่า ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายวิกฤต และยิ่งไปกว่านั้น กองที่กล่าวมายังทำผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลาที่ผ่านมาอีกด้วย เอาเป็นว่า กองทุนที่ว่าจะเป็นกองทุนไหนนั้น มาดูกัน
FinVest แนะนำ
BGF Global Allocation Fund
ยืนหยัดทุกสภาพตลาดด้วยการกระจายลงทุน
BGF Global Allocation Fund เป็นกองทุนจากทาง Blackrock ที่ IPO มาตั้งแต่ปี 1997 ถือได้ว่าเป็นกองทุนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากพอสมควร โดยวิกฤตที่หลัก ๆ ที่ผ่านมาได้อาทิเช่น Dot-Com Crisis ในปี 2000 หรือไม่ว่าจะเป็นวิกฤต Subprime ในปี 2008 กระทั่งล่าสุด วิกฤต Covid-19 ในปี 2020 เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เราลองมาดูความ อึด ถึก ทน ของกองทุนนี้กัน
เป้าหมายของกองทุน คือทำผลตอบแทนใกล้หุ้นโลก ด้วยความเสี่ยงที่ต่ำกว่า
กองทุน BGF Global Allocation Fund ในช่วง 21 ปีที่ผ่านมา สามารถสร้างผลตอบแทนกับการลงทุนให้ใกล้เคียงกับหุ้นโลก แต่ความผันผวนน้อยกว่าถึงหนึ่งในสาม
ผลตอบแทนสะสมรายปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ตั้งแต่ 1997-2021)
- BGF Global Allocation Fund 7.1%
- Global Stock 8.1%
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (ใช้วัดความผันผวนของราคา) (ตั้งแต่ 1997-2021)
- BGF Global Allocation Fund 10.3%
- Global Stock 15.7%
แต่เพื่อความแน่ใจอีกขั้น
เราลองมาย้อนอดีตดูกันต่อว่า ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา
BGF Global Allocation Fund ที่เราพิถีพิถันคัดเลือกมานั้น ทำได้ดีขนาดไหน
พิสูจน์ด้วยความอึด รอดมาได้ในหลายวิกฤตที่ผ่านมา
ในช่วงวิกฤตใหญ่ที่ผ่านมาทั้ง 3 ครั้งคือ Dot-Com Crisis , Subprime และ Covid Crisis กองทุนBGF Global Allocation Fund สามารถพิสูจน์ตัวเองว่าความผันผวนต่ำกว่าการลงทุนในลักษณะเดียวกัน โดยแต่ละวิกฤต ผลการดำเนินงานเป็นดังนี้
Dot-Com Crisis
- BGF Global Allocation Fund -2.17%
- Reference Benchmark -16.88%
- Global Stock -39.56%
- Morningstar Peer Group -14.22%
Subprime
- BGF Global Allocation Fund -5.75%
- Reference Benchmark -6.87%
- Global Stock -20.59%
- Morningstar Peer Group -13.12%
Covid Crisis
- BGF Global Allocation Fund 27.24%
- Reference Benchmark 24.82%
- Global Stock 40.68%
- Morningstar Peer Group 14.97%
สาเหตุที่กองทุนดังกล่าวทำได้ดี ไม่ติดลบมากจนเกินไป
เพราะไม่กระจุกตัวลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพียงอย่างเดียว
และอีกสาเหตุหนึ่งมาจากการบริหารพอร์ตอย่างยืดหยุ่น
ด้วยทีมงานมากประสบการณ์
กระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ให้เรียบร้อย จบครบในกองเดียว
ถ้าหากอยากกระจายการลงทุน แต่ไม่อยากเหนื่อย กองทุนนี้แก้ปัญหาให้คุณได้ กองทุนนี้กระจายการลงทุนทั้งในหุ้น ตราสารหนี้ สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด สกุลเงินต่าง ๆ รวมไปถึงสินค้าโภคภัณฑ์ ช่วยลดความเสี่ยงของการกระจุกตัวจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่ง รวมไปถึงกระจายการลงทุนในหลากหลายภูมิภาคเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์อีกด้วย
โดยทางกองทุนคัดเลือกสินทรัพย์โดยใช้มุมมอง Top-Down หรือมองภาพใหญ่อย่างเศรษฐกิจมหภาค ผสมผสานกับการมองแบบ Bottom-Up บริหารพอร์ตด้วยความยืดหยุ่น โดยสัดส่วนการลงทุนในปัจจุบันเป็นดังนี้
สัดส่วนการลงทุน (28 กุมภาพันธ์ 2022)
- Equity 59.2%
- Fixed Income 12.2%
- Commodities 0.18%
- Cash Equivalents 28.41%
สัดส่วนการลงทุนรายภูมิภาค (28 กุมภาพันธ์ 2022)
- North America Equity 38.65%
- Cash Equivalents 12.95%
- Emerging Market Equity 5.52%
- North America Fixed Income 4.13%
- Emerging Market Fixed Income 3.30%
- Europe Fixed Income 3.21%
- Japan Equity 1.73 %
- Asia/Pacific (ex Japan) Fixed Equity 0.35%
- Commodities 0.18%
ผลงานที่ดีสม่ำเสมอ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาด้วยความสามารถของทีมบริหาร
ปัจจุบันทางทีมบริหารงานโดยคุณ Rick Rieder ซึ่งปัจจุบันยังดำรงตำแหน่ง Chief Investment of Fixed Income โดยทางคุณ Rick Rieder เองมีประสบการณ์ในสายงานนี้มามากกว่า 34 ปี นอกจากนี้ยังมีทีมงานสนับสนุนอีกมากมายทั้งผู้จัดการกองทุนที่เลือกหุ้นรายตัว , นักวิเคราะห์ทางด้าน Macro หรือแม้กระทั่งนักวิจัยทางด้านกลยุทธ์เชิง Quantitative อีกด้วย สะท้อนให้เห็นว่า ผลงานที่ดีสม่ำเสมอนั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาด้วยความสามารถของทีมบริหาร
ลงทุนผ่าน BGF Global Allocation Fund โดยตรงได้แล้วผ่านแอปพลิเคชัน FinVest
FinVest เปิดให้นักลงทุนสามารถลงทุนในกองทุนต่างประเทศได้โดยตรงง่าย ๆ ผ่านแอปหรือ คลิกตรงนี้ได้เลย
BGF Global Allocation Fund
แต่ถ้าอยากลงทุนผ่านกองไทย ก็ทำได้เช่นกันนะ
กองทุนที่เป็น Feeder Fund ให้แก่ BGF Global Allocation Fund มีดังนี้
- K-GA-A(A)
- K-GA-A(D)
- KGARMF
- UOBSGA
- UOBSGA-N
- UOBGARMF
สุดท้ายท้ายสุด ในช่วงเวลาที่ตลาดไม่เป็นใจอย่างนี้ ยังไงก็ขออวยพรให้นักลงทุนทุกท่านผ่านมันไปได้ด้วยดี ส่วนใครที่หาโอกาสปรับพอร์ต หรือพึ่งเริ่มต้นลงทุนในช่วงตลาดแดงเดือดอย่างนี้ ทางเราก็ขอฝาก BGF Global Allocation Fund ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกท่านด้วย
กองทุนทั้งหมดนี้ สามารถลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน FinVest ได้ที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/cd81c26c
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ Line https://lin.ee/3wINMDBsz
Follow us on Website: www.finvest.co.th
#FinVest #YourWingsYourWays