หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มกลับมาดีขึ้น ควบคุมได้มากขึ้น การกระจายของวัคซีนครอบคลุมขึ้น ผู้คนเริ่มมาใช้ชีวิตโลดแล่น รถราหนาแน่น การเดินทางก็กลับมาคับคั่ง กลับมาเห็นภาพเบียดเสียดกันบนรถไฟฟ้าอีกครั้ง เพราะเกือบสองปีที่ผ่านมา นั่งหน้าจอทำงานกันที่บ้าน เว้นระยะห่างทางสังคมกันจนท้อ ธุรกิจหลายอย่างต้องสะดุดหยุดชะงัก สถานที่หลายแห่งต้องปิด เกิดเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างใหม่ที่แตกต่างจากเดิมที่คุ้นเคย หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “New Normal” มาตรการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” (stay at home) เพื่อลดอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทำให้หลายบริษัทหันมา Work from Home
พอเราเริ่มคัมแบ็คกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันอีกครั้ง ผู้คนกลับมาทำกิจกรรมต่างๆกันอย่างปกติ และสิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ คือ รูปแบบการเดินทางที่การเปลี่ยนแปลงไป จากยานพาหนะรถราบนท้องถนนที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิง อย่างน้ำมัน เครื่องยนต์ที่ปล่อยควันขโมง ทำลายชั้นบรรยากาศ ก็เริ่มเห็นมีแท่นชาร์จไฟฟ้าบริการตามปั๊มน้ำมัน หรือตามห้างสรรพสินค้า บนท้องถนนก็เริ่มมีการใช้ยานพาหนะรูปร่างหน้าตาที่ต่างออกไป อย่างรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV Car) กันมากขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
โลกใบใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เมื่อโลกของเราตื่นตัวในการรักษาสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดจากเป้าหมายเพื่อการเป็นกลางทางคาร์บอนในหลายๆประเทศทั่วโลก หรืออย่างเช่น กลุ่มประเทศในยุโรป ที่มีการตั้งงบประมาณถึง 25% สำหรับการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน สิ่งหนึ่งที่ใกล้ตัวและเห็นได้ชัดก็จากมาตรการต่างๆ อย่างการลดภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า จึงกำลังเกิดการเปลี่ยนผ่านจากการใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิง อย่างน้ำมันไปสู่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า เพื่อลดปัญหาเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ
ผลสำรวจพบ 83% ของคนทั่วโลก ต้องการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนมากขึ้น
Garnier แบรนด์ผลิตภัณฑ์ด้านความงามชั้นนำ ได้จัดทำรายงานประจำปี One Green Step ที่เผยให้เห็นถึงความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ และความรู้สึกของคนแต่ละรุ่นที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม จำนวน 29,000 คน จาก 9 ประเทศทั่วโลก โดยผลสำรวจพบว่า 83% ของคนทั่วโลก ต้องการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งนี้ จำนวนคนที่มีความตั้งใจเพื่อสิ่งแวดล้อม ในประเทศสหรัฐอเมริกาและเยอรมนีเพิ่มมากที่สุด
Morgan Stanley คาดเวลาที่ใช้บนรถยนต์จะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 25% ในปี 2030
นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ผู้ให้บริการทางด้านการลงทุนและการบริหารความเสี่ยงที่หลากหลาย ได้มีคาดการณ์ถึงจำนวนการใช้เวลาบนรถยนต์ (Spent time in car) ว่าจะเพิ่มขึ้นได้อีกกว่า 25% หรือจาก 600 พันล้านชั่วโมงต่อปีเลยทีเดียว ภายในปี 2030 และยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่ารถยนต์แบบขับเคลื่อนอัติโนมัตินี่แหล่ะที่จะเป็นพระเอกมาช่วยปลดล็อคเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) ให้เป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย
Spent time in car trend เชื่อมโยงประโยชน์หลายธุรกิจ
เป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนในหลายๆประเทศทั่วโลก รวมไปถึงการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และแนวโน้มการใช้เวลาบนรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนี้
ทางนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley มองว่า
บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำต่างๆของโลก นำโดย Tesla
น่าจะเป็นผู้เล่นหลักที่จะเข้ามาช่วยผลักดัน Metaverse Mobile Car
ให้เป็นที่นิยมและแพร่หลายมากขึ้นได้
นอกจากนี้ รูปแบบการใช้ชีวิตของคนที่จะใช้เวลาบนรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังฟังเพลงบนรถกันนานขึ้น ทำงานanywhereกันบนรถยนต์ ทำให้เทรนด์การใช้เวลาบนรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นนี้ ยังสามารถเชื่อมโยงประโยชน์อย่างมหาศาลไปได้ในอีกหลายธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์ อย่างการช่วยเสริมประสิทธิภาพของแอปพลิเคชั่นที่จะเข้ามาติดตั้งเพื่อการใช้งานในรถยนต์ ต้อนรับการใช้เวลาบนรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น อย่าง App Store ของบริษัทชั้นนำอย่าง Apple inc. ให้มีการเร่งพัฒนา เร่งผลักดันระบบต่างๆ ให้พร้อมใช้งานสำหรับโลกจักรวาลนฤมิตร ยุค Metaverse Era เพิ่มการรองรับที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บแลตต่างๆที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในรถยนต์ อีกทั้งการเพิ่มจำนวนและรูปแบบของเกมส์ต่างๆ หรือแอปพลิเคชั่นที่น่าสนใจต่างๆให้มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น
และหากไปมองไปถึงแนวโน้มการใช้เวลาบนรถยนต์กันแบบยาวๆไปกว่านี้นั้น ทางนักวิเคราะห์จากทาง Morgan Stanley ก็ได้มองยาวๆกันไปถึงปี 2040 และคาดการณ์ว่า การใช้เวลาบนรถยนต์น่าจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 1.2 ล้านล้านชั่วโมงต่อปี หรือ อีกเท่าตัวนับจากคาดการณ์ของปี 2022 นี้ได้เลยทีเดียว
และนอกจากนี้ จากเทรนด์ของโลกที่กำลังให้ความสนใจรถยนต์ขับเคลื่อนอัติโนมัติกันมากขึ้น และการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ใช้น้ำมันไปสู่รถยนต์ใช้ไฟฟ้า เนื่องจากปัญหาเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งการเดินทางในอนาคตยังมีอะไรที่ไปได้ไกลกว่า และรักษ์โลกยิ่งกว่า ธีมการเดินทางของวันพรุ่งนี้ ( Future of transport) จึงเป็นหนึ่งในธีมที่จะมาปฏิวัติอนาคต จากมุมมองระยะยาวที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมของโลกได้ จากมุมมองของ Baillie Gifford บริษัทจัดการกองทุนชื่อดังระดับโลกอีกด้วย
(อ่านบทความ เปิด 4 ธีม ที่มีโอกาสพลิกโฉมอุตสาหกรรมผ่านมุมมองระยะยาวของ Baillie Gifford อย่างละเอียดได้ที่ https://www.finvest.co.th/4bailliegifford22/ )
ถ้าหากใครกำลังสนใจ อยากลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จาก Spent time in Car Trend ที่กำลังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอนาคต และธีมการเดินทางของวันพรุ่งนี้ (Future of transport) แน่นอนว่าทาง Finvest ก็มีกองทุนดี ๆ ที่น่าสนใจ นำมาฝากท่านผู้อ่านกันอีกเช่นเคย ถ้าพร้อมแล้วไปเปิดโอกาสการลงทุน ต่อกันที่ด้านล่างได้เลย
FinVest แนะนำ 4 กองทุน
Spent time in Car Trend & Future of transport
โอกาสแห่งโลกอนาคต
1.
BGF World Technology
กองทุนที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้ ด้วยเทคโนโลยีของบริษัทเหล่านี้ได้อย่างโดดเด่น การันตีผลงานด้วยรางวัล Morning Star 5 ดาว
ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน
- – Apple Inc.
บริษัทผู้พัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยีชั้นนำของโลก มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักสู่สายตาชาวโลกมากมายและหลากหลาย อย่าง iPod, iPhone, iPad, Mac , Apple Watch เป็นต้น - – Microsoft Corp.
หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยม อย่างระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows หรืออย่าง Microsoft Offices - – Alphabet Inc.
บริษัทแม่ของ Search Engine ที่เรารู้จักกันดี อย่างGoogle และยังเป็นบริษัทแม่ของ Waymo บริษัทรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
กอง Onshore
- – KFHTECH
2.
Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund
กองทุนที่ลงทุนในหุ้นเติบโตทั่วโลกที่มีความสามารถในการแข่งขัน และเน้นลงทุนในธีมเด่น ๆ ที่มีโอกาสเติบโตสูงได้ในอนาคต
ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน
- – Tesla
บริษัทผู้นำด้านการผลักดันนวัตกรรม เทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV Car) - – Moderna
- บริษัทผู้นำแห่งเทคโนโลยี mRNA
- – ASML
- บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีการฉายแสงบนชิปที่ยากจะหาคู่ต่อกร
กอง Onshore
- – ONE-UGG-RA /ONE-UGG-ASSF /ONE-UGERMF
- – KFGG-A /KFGGSSF /KFGGRMF
อ่านเพิ่มเติมแบบละเอียดกันได้เลยที่ https://www.finvest.co.th/ปรัชญาการลงทุน-ระยะยาว/
3.
BGF Next Generation Technology
กองทุนที่ลงทุนในหุ้นธีมเทคโนโลยียุคใหม่ของบริษัททั่วโลกที่มีความโดดเด่นในการประกอบธุรกิจและมีโอกาสสร้างตลาดใหม่และก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในบริษัทที่สำคัญของโลก ไม่ว่าจะเป็นบริษัททางด้านการวิจัย การพัฒนา การผลิต และหรือ การบริการ ของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หุ่นยนต์ (robotics) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) เป็นต้น
ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน
- – LASERTEC
- บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตเครื่องมือวัดและตรวจสอบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ ที่พยายามพัฒนานวัตกรรมการผลิตแบบใหม่ ๆ อยู่เสมอ
- – KAKAO
- บริษัทผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่น mobile messaging อย่าง Kakao Talk แอพแชตอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ และโซเชี่ยลแพลตฟอร์ม
- – ON SEMICONDUCTOR
- บริษัทผู้นำในการหาโซลูชั่นด้านพลังงานด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์เซนเซอร์ ซึ่งถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
กอง Onshore
- – MGTECH
4.
MCONT
ลงทุนผ่าน Robeco Global Consumer Trends ที่มีการกระจายการลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้ง 3 เทรนด์ ได้แก่ Digital Transformation (Growth) , Emerging Middle Class (Cyclical) และ Health & Wellbeing (Defensive) เพื่อสร้างโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว จากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปภายหลังโรคระบาด มีการบริหารกองเชิงรุก ทั้งแบบ Top-Down และ Bottom-Up จัดพอร์ตเน้นหุ้นขนาดเล็ก เสริมความแกร่งด้วยหุ้นขนาดใหญ่ ได้รางวัล 5 ดาวจากทาง Morningstar
ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน
- – Alphabet Inc.
- บริษัทแม่ของ Search Engine ที่เรารู้จักกันดี อย่าง Google และยังเป็นบริษัทแม่ของ Waymo บริษัทรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
- – Netflix
- บริษัทผู้ให้บริการ Streaming ที่นำเสนอความบันเทิงหลากหลายครบรส ทั้งรายการทีวี ภาพยนตร์ อนิเมะ สารคดีที่ชนะรางวัล และอีกมากมาย
สำหรับตอนนี้ก็จบกันไปแล้ว สำหรับเทรนด์ การใช้เวลาบนรถยนต์ (Spent time in car trend) และธีมการเดินทางของวันพรุ่งนี้ (Future of transport) ที่เป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนแห่งโลกอนาคต ที่ทาง FinVest นำมาฝากกันในวันนี้ แล้วมาพบกับสาระดี ๆ เทรนด์การลงทุนใหม่ๆ พร้อมกองทุนเด็ด ๆ จากเราได้ทุกอาทิตย์ อย่าลืมติดตามกันนะ จะได้ไม่พลาดทุกโอกาสในการลงทุน
กองทุนทั้งหมดนี้ สามารถลงทุนผ่านแอปพลิเคชั่น FinVest ได้เลยที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/cd81c26c
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ Line https://lin.ee/3wINMDBsz
Follow us on Website: www.finvest.co.th
#FinVest #YourWingsYourWays
_______________________________________________
ข้อมูลอ้างอิง
Morgan Stanley says these stocks could benefit from the rise of autonomous cars (cnbc.com)
mi_peakcarorjustbumpsintheroad_us.pdf (morganstanley.com)
How Important Are Seasonal Trends in the Automotive Sector? (investopedia.com)
The Best-Selling Car in America, Every Year Since 1978 (visualcapitalist.com)