เป็นเรื่องธรรมดาของมือใหม่ที่พออยากจะลงทุนในกองทุน อยากเริ่มลงทุนแล้ว แต่ไม่รู้จะจับจุดเริ่มต้นยังไง
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ยากเลย เพราะว่าวันนี้เรามีคำแนะนำที่กองทุนระดับโลก Vanguard Group ใช้แนะนำและวางแผนการลงทุนให้กับลูกค้ามาเล่าให้ฟัง โดยกองทุนชื่อดังนี้ก่อตั้งโดย John C. Bogle ชายผู้ให้กำเนิด Index Fund หรือกองทุนดัชนีเป็นคนแรก
John C. Bogle หรือ Jack Bogle เป็นผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ของ Vanguard Group บริษัทจัดการกองทุน ซึ่งปัจจุบันครองส่วนแบ่งทางการตลาดของกองทุนรวมทั่วโลกเป็นอันดับที่ 1 เขาเป็นผู้ที่คิดค้นและผลักดันให้เกิดกองทุนรวมดัชนี ซึ่งเก็บค่าใช้จ่ายกองทุนต่ำเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับกองทุนในสมัยนั้น ส่งผลให้ผู้คนทั่วไปสามารถลงทุนเพื่อที่จะได้ผลตอบแทนในระดับเดียวกับดัชนีอย่าง S&P500 โดยเสียค่าธรรมเนียมเพียงน้อยนิด
Warren Buffett ถึงกับเคยเขียนถึง Bogle ในสารถึงผู้ลงทุนของ Berkshire ในปี 2560 ว่า “หากมีการตั้งอนุสาวรีย์เพื่อเป็นเกียรติแก่บุคคลที่ได้สร้างคุณประโยชน์แก่นักลงทุนชาวอเมริกันมากที่สุด บุคคลที่สมควรถูกเลือกโดยไม่ต้องคิดให้มากเลย คือ Jack Bogle”
นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้มีแนวคิดอย่างไรในการบริหารจัดการกองทุนจน Vanguard กลายเป็นบริษัทที่มีผลงานได้รับการยอมรับได้ระดับโลก วันนี้เราจะมาเรียนรู้จากเขากัน
- ร่างภาพใหญ่
ก่อนลงทุน ควรตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจน ว่าตัวเราเองนั้นต้องการผลตอบแทนไปทำอะไร บางคนอาจลงทุนเพื่อเงินเกษียณ ในขณะที่บางคนอยากลงทุนเพื่อการศึกษาของลูกในอนาคต ซึ่งการร่างภาพใหญ่ๆ ของปลายทางที่ต้องการไปนั้น เป็นตัวช่วยกำหนดทิศทางของผลตอบแทนที่ต้องการ และความเสี่ยงที่เราต้องรับเวลาจะทำการลงทุน
มากไปกว่านั้น เป้าหมายทางการเงินที่ดีนั้นควรชัดเจน สมเหตุสมผล และสามารถวัดผลได้ ตัวอย่างการตั้งเป้าหมาย เช่น ฉันตั้งใจว่าจะออมเงินในกองทุนเดือนละ 3,000 บาท โดยคาดหวังผลตอบแทนประมาณ 7% ต่อปีในะระยาว เพื่อนำมาเป็นเงินก้อนหลังเกษียณ
อย่าลืมว่าปลายทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น ถ้าเป้าหมายในระยะยาวของเราชัด มันจะส่งผลให้เราไม่ไขว้เขวในระหว่างทางที่ลงทุน
- กระจายความเสี่ยง
การลงทุนในกองทุนนั้นมีความเสี่ยง แต่เสี่ยงมากเสี่ยงน้อยขึ้นกับกองทุนที่เราไปลง เพราะว่านโยบายของแต่ละกองทุนย่อมต่างกัน บางกองอาจจะเน้นปกป้องเงินต้น จึงเน้นลงทุนในตราสารหนี้ ขณะที่บางกองเน้นผลตอบแทน จึงอาจลงทุนในหุ้นที่เน้นการเติบโตในอนาคต ซึ่งมีความผันผวนสูง และแน่นอนว่าในระยะสั้นๆ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความผันผวนได้
ดังนั้นการกระจายความเสี่ยง จึงถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่จะทำให้การลงทุนของเรานั้นอยู่รอดในทุกๆสภาวะ มากไปกว่านั้น การกระจายความเสี่ยงที่ดี ยังช่วยให้เราปรับสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เราต้องรับให้สมเหตุสมผลขึ้นอีกด้วย
- หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมสูง
“แม้ตลาดไม่อาจคาดเดา แต่ค่าธรรมเนียมนั้นคงอยู่ตลอดกาล” Vanguard Group นั้นแต่เดิมได้ชูเรื่องค่าธรรมเนียมที่ถูกเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกลงทุนในกองทุนรวม เพราะว่ายิ่งค่าธรรมเนียมยิ่งสูงมากเท่าไร ผลตอบแทนยิ่งลดลงมากเท่านั้น โดยเฉพาะในการลงทุนระยะยาวในเมื่อเราไม่สามารถควบคุมผลตอบแทนได้ จะดีกว่าหรือไม่ถ้าเราตัดสินใจที่จะควบคุมค่าธรรมเนียมตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้น ข้อแนะนำสำคัญก่อนเลือกกองทุนทุกครั้งคือ “จงเปรียบเทียบค่าธรรมเนียม”
- ทำตามแผนที่วางไว้
คำแนะนำทั้งหมดจะไม่ได้ผลเลย ถ้าเราไม่ทำตามแผนที่เราเตรียมเอาไว้อย่างดีตั้งแต่แรก การทำตามแผนนั้นดูเหมือนว่าง่าย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เพราะในระหว่างเส้นทางที่เราลงทุนนั้น เราต้องต่อสู้กับปัจจัยทั้งภายนอก ตัวอย่างเช่น สภาพตลาดที่ผันผวน หรือภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี หรือปัจจัยภายในจิตใจ เช่น ความรู้สึกที่ว่า “ไอ้นู่นก็ดี ไอ้นี้ก็อยากได้”
เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกว่ามีเสียงรบกวนการลงทุนของเรามากเกินไป ให้เรากลับมาโฟกัสที่แผนที่เราตั้งไว้ตอนต้น เพื่อที่จะได้ไม่หลงทาง
เมื่อเราร่างภาพใหญ่ให้ชัดเจน ทำตามแผนที่วางเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว และระหว่างทางก็มีการกระจายความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไป เท่านี้ผลตอบแทนในระยะยาวที่จะพาเราไปอยู่ในจุดที่หวังเอาไว้ ก็อาจไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
อ้างอิง
https://investor.vanguard.com/etf/fees
https://en.wikipedia.org/wiki/John_C._Bogle
https://about.vanguard.com/what-sets-vanguard-apart/principles-for-investing-success/
https://investornews.vanguard/5-investing-principles-that-are-built-to-last/
https://investornews.vanguard/4-important-things-vanguard-investors-have-in-common/