ตลาดเกิดใหม่ ใครว่าไม่เจ๋ง TMBEAERMF ลงทุนในกองทุนที่ครอบคลุมสุดยอดหุ้นชั้นนำในตลาดเกิดใหม่

ตลาดเกิดใหม่ ใครว่าไม่เจ๋ง TMBEAERMF ลงทุนในกองทุนที่ครอบคลุมสุดยอดหุ้นชั้นนำในตลาดเกิดใหม่

ด่วน ! อีกไม่กี่วันก็จะหมดเขตลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับปี 2564
ใครที่ยังไม่ได้เปิดพอร์ต สามารถอ่านวิธีเปิดพอร์ตลงทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finvest.co.th/ssf-rmf-easy/
สำหรับใครที่อยากออมเงินโดยมีเป้าหมายระยะกลางผ่านกองทุน SSF (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finvest.co.th/5ssf2021/)
หรือเพื่อออมเงินเพื่อการเกษียณผ่านกองทุน RMF (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finvest.co.th/gen-y-rmf/)


หากท่านพร้อมแล้ว เราจะเข้าสู่บทความเจาะลึกกองทุน TMBEAERMF กัน

ตลาดเกิดใหม่คืออะไร ?
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ผ่านมา ตลาดเกิดใหม่หรือที่เราเรียกๆกันว่า Emerging Market (EM) ถือเป็นหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ทั้งน่าตื่นเต้นและน่าค้นหา ด้วยแรงส่งจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเศรษฐกิจภายในประเทศ บวกกับสภาพแวดล้อมที่บริษัทและตลาดหุ้นยังมีขนาดพอเหมาะ ส่งผลให้การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ถือเป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน

แต่ก่อนที่จะทำความรู้จักกับ Emerging Market เราควรทำความรู้จักกับตลาดทั้ง 3 ประเภทกันก่อน
1. Developed Market
2. Emerging Market
3. Frontier Market

โดยจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ Emerging Market คือ อัตราการเติบโตที่น่าเย้ายวนใจมากกว่า DM แต่ความเสี่ยงต่ำกว่าฝั่ง FM แล้วประเทศเกิดใหม่ที่น่าสนใจมีประเทศใดกันบ้าง

คำว่าตลาดเกิดใหม่ หรือ EM นั้น ไม่ได้มีนิยามตายตัวนัก โดยหลัก ๆ แล้ว ตลาดเกิดใหม่คือตลาดที่มีคุณสมบัติอยู่ตรงกลางระหว่าง Developed Market กับ Frontier Market คือ ยังไม่ผ่านมาตรฐานของ Developed Market แต่ก็ไม่ได้มีขนาดเล็กแบบ Frontier Market เมื่อพิจารณาโดยใช้ ขนาดเศรษฐกิจ , GDP , รายได้ต่อหัว , ขนาดประชากร , ระดับหนี้สาธารณะ และส่วนแบ่งของการส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลก

ยกตัวอย่างประเทศให้เห็นภาพชัดขึ้น
Developed Market เช่น สหรัฐฯ, เยอรมัน, ญี่ปุ่น
Emerging Market เช่น จีน อินเดีย เกาหลี ไทย
Frontier Market เช่น เวียดนาม โครเอเชีย ศรีลังกา บังกลาเทศ

แล้วในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ มีประเทศอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษ
ในตลาดเกิดใหม่ ประเทศที่น่าจับตามองที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้นประเทศจีน ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสอง ของโลก ณ ปัจจุบัน แต่นอกเหนือจากจีนแล้วนั้น ประเทศที่น่าสนใจไม่แพ้กันคืออินเดีย บราซิล และรัสเซีย เนื่องด้วยจำนวนประชากรที่มีปริมาณมาก ซึ่งประเทศเหล่านี้ถูกคาดการณ์ว่าจะขึ้นมาเป็น 1 ในสิบ ประเทศที่มีขนาด GDP ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2030 (ข้อมูลจาก Standard Chartered)

ตลาดเกิดใหม่ น่าสนใจอย่างไร ?

อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่สูง

ในปี 2020 ขนาดของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ มีขนาด 38.85 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยคิดเป็นราว ๆ 40% ของ GDP ทั้งหมดของโลก โดยตัวเลขดังกล่าว เติบโตจากปี 2000 ที่ตลาดเกิดใหม่มีขนาดของ GDP เพียง 7.13 ล้านล้านเหรียญ คิดเป็นการเติบโตทบต้นถึง 8.85% ต่อปี

ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศในกลุ่ม EM ยังมีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกได้ในอนาคต จากรายงานของทาง Standard Chatered ที่ได้คาดการณ์ว่าจีน จะขึ้นมาเป็นประเทศผู้นำอันดับหนึ่งแซงหน้าสหรัฐด้วยขนาด GDP ที่ 53.8 ล้านล้านเหรียญภายในปี 2030 โดยในปัจจุบัน อัตราส่วนระหว่าง GDP ที่ปรับด้วยอำนาจการซื้อ (Purchasing power parity) ของจีน ได้แซงหน้าสหรัฐไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนสาเหตุที่ทำให้การเติบโตดังกล่าวไม่เกินความจริง มาจากจำนวนประชากร โดยในปัจจุบัน ประชากร 33 % บนโลก อาศัยอยู่ใน Emerging Markets และมีการคาดการณ์ว่า ในปี 2030 จำนวนประชากรจะเพิ่มสูงขึ้นจนถึง 46% ของประชากรโลก การบริโภคที่ถูกขับเคลื่อนด้วยการเติบโตของจำนวนประชากรนี้เองที่เป็นปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ และยังส่งผลให้ GDP Growth Rate ของประเทศตลาดเกิดใหม่นั้นสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างมีนัยยะ ซึ่งปัจจัยที่สอดคล้องกับการเติบโตของประเทศเกิดใหม่ คือบริษัทจดทะเบียนในประเทศเกิดใหม่นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

บริษัทในตลาดเกิดใหม่ มีความแข็งแกร่งมาก

ข้อมูลจากทาง MSCI พบว่า ดัชนี MSCI Emerging Markets ตั้งแต่ปี 2000 นั้นมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 8.91% ซึ่งสูงกว่า MSCI World ที่ 6.53% นอกจากนี้ ตัวเลขที่แสดงฐานะทางการเงินอย่างอัตราการจ่ายปันผลยังสูงกว่าด้วย จากข้อมูลเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2021 แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนของเงินปันผลของดัชนี MSCI Emerging Markets ให้ปันผลที่ 2.4% ขณะที่ MSCI World ให้ที่ 1.71%

เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งเชิงโครงสร้าง ส่งผลให้ทางภาครัฐของบรรดาประเทศเกิดใหม่มีการอัดงบถึง 66% ของงบเพื่อการพัฒนา หรือ R&D เพื่อทุ่มพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเกี่ยวข้องกับนวัตกรรม ตัวอย่างเช่น ระบบ E-commerce, ระบบ mobile banking และ รถยนต์ไฟฟ้า (ข้อมูลจาก Franklin Templeton)

ความแข็งแกร่งดังกล่าวสะท้อนมาที่มูลค่าตลาด โดยในปัจจุบัน หุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 20 อันดับแรกของโลก มีหุ้นที่มาจากตลาดเกิดใหม่ถึง 4 บริษัท ได้แก่ TSMC ผู้ผลิต Semiconductor เจ้าใหญ่ของโลก มาในอันดับ 10, Tencent บริษัท Holding ที่เป็นเจ้าของ WeChat และค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Epic games มาในอันดับที่ 11, Samsung บริษัทอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติเกาหลีในอันดับที่ 16 และ Kweichou Moutai บริษัทผลิตเหล้าชื่อดังจากจีน มาในอันดับที่ 17

ถึงตรงนี้ เราจะเห็นว่าประเทศที่อาศัยอยู่ในตลาด Emerging Market กระจายตัวอยู่ทุกภูมิภาคทั่วโลก อย่างไรก็ดี ด้วยลักษณะจำเพาะของสภาพเศรษฐกิจ, วัฒนธรรม และจำนวนประชากรที่แตกต่างกัน จากปัจจัยดังกล่าว สะท้อนออกมาในรูปแบบของการเติบโตที่ไม่เท่ากันสำหรับแต่ละประเทศ ดังนั้นหากมีกองทุนสักกองหนึ่งที่ไปเสาะแสวงหา ค้นคว้าและรวบรวมหุ้นที่น่าสนใจจากตลาดเกิดใหม่มาให้นักลงทุนได้ถือหน่วยลงทุน คงจะดีไม่ใช่น้อย ดังนั้นมาถึงตรงนี้ ทางทีม FinVest จะมาแนะนำกองทุนที่ว่ากัน ซึ่งนั่นคือกองทุนจากทาง TMB Eastspring ที่ชื่อ TMBEAERMF


TMBEAERMF
กองทุนแนะนำ ธีม Emerging Market

ปรัชญาการลงทุนของ TMBEAERMF

กองทุน TMBEAERMF เป็นกองทุนประเภท Foreign Investment Fund ที่ปัจจุบันนั้นมีนโยบายลงทุนผ่านกองทุน Baillie Gifford Emerging Market Leading Companies (B acc USD) โดยกองทุนที่กล่าวมามีนโยบายมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนระยะยาว 5 ปีขึ้นไป ด้วยการลงทุนผ่านบริษัทชั้นนำ ที่มีรายได้หลัก หรือภูมิลำเนาอยู่ในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่เช่น จีน, เกาหลีใต้, อินเดีย และ บราซิล เป็นต้น

มุมมองความไม่มีประสิทธิภาพ 3 แบบ ที่ทำให้ตลาดเกิดใหม่เป็นของดีราคาถูก

Baillie Gifford วิเคราะห์ว่าตลาดเกิดใหม่ไม่ถูกประเมินมูลค่าตามแบบที่ควรจะเป็น ทำให้เกิดการที่ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เกิดเป็นความไม่มีประสิทธิภาพ 3 อย่างที่ทำให้ตลาดเกิดใหม่น่าลงทุน

1. Under appreciated growth duration
มีการประเมินมูลค่าการเติบโตอย่างต่อเนื่องยาวนานของตลาดเกิดใหม่ต่ำเกินไป

2. Under appreciated growth pace
มีการประเมินมูลค่าของความรวดเร็วในการเติบโตของตลาดเกิดใหม่ต่ำเกินไป

3. Under appreciated growth surprise
มีการประเมินมูลค่าการเติบโตที่ดีกว่าคาดการณ์ของตลาดเกิดใหม่ต่ำเกินไป

ทีมผู้จัดการกองทุน
ทีมผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์ทั้งหมดจะเป็นทีมที่รับผิดชอบด้าน Emerging Market โดยเฉพาะ ทำให้มีความเข้าใจเชิงลึก และทีมยังมาจากประวัติการศึกษาที่หลากหลาย ทำให้วิเคราะห์บริษัทได้ในหลายมิติ และมีการ rotate นักวิเคราะห์ทุก 2-3 ปี เพื่อเสริมความรู้และประสบการณ์ใหม่ นอกจากนี้ทางทีมยังมี Partner หลัก ๆ คือทีม Shanghai research team ซึ่งติดต่อกันเป็นประจำเพื่อเฟ้นหาข้อมูลและแนวคิดใหม่ ๆ ในการลงทุนหุ้นจีน โดยในส่วนทางทีมงานหลักจะอยู่ที่ Edinburgh เพื่อรวบรวมไอเดียมาปะติดปะต่อในการเลือกบริษัทชั้นดี

แนวคิด 4 ข้อในการค้นคว้าบริษัทสำหรับทำการลงทุน

  1. 1. Industry Background แนวคิดว่าขนาดตลาดมีขนาดใหญ่แค่ไหน แล้วจะเติบโตไปได้มากเพียงใด
  2. 2. Competitiave Advatange บริษัทมีความน่าสนใจและรักษาฐานลูกค้าได้อย่างไร
  3. 3. Financial Strength งบการเงินแสดงถึงความทะเยอทะยานในการเติบโตหรือไม่
  4. 4. Management Strength เป็นที่ ๆ เหมาะสมสำหรับ ผู้บริหารและผู้นำองค์กรในการดำเนินธุรกิจ

ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน
TSMC บริษัทผู้ผลิต Semiconductor ที่กินส่วนแบ่งตลาดถึงประมาณ 30% ของสูงเป็นอันดับต้นของโลก
Samsung Electronics ที่รายได้ปัจจุบันมาจากการผลิต Semiconductor เช่นกัน
Samsung SDI ที่เน้นการผลิตแบตเตอรี่ Lithium-Ion สำหรับโทรศัพท์มือถือและรถยนต์ไฟฟ้า
Alibaba ที่เป็นผู้นำในตลาดจีน E-commerce ของจีนแผ่นดินใหญ่
Tencent บริษัทผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Epic games และเจ้าของแอปพลิเคชั่น WeChat

ประเทศที่เข้าไปลงทุน 5 อันดับแรก
1. จีน 30.43%
2. อินเดีย 13.69%
3. อเมริกาใต้ 13.65%
4. บราซิล 10.86%
5.ไต้หวัน 10.17%
ข้อมูล ณ 30 พ.ย. 2021

ผลตอบแทนและความสี่ยง
ปัจจุบัน Baillie Gifford Emerging Market Leading Companies (B acc USD) มีผลตอบแทนระยะ 3 ปี อยู่ที่ 15.71% ซึ่งเอาชนะผลตอบแทนของ MSCI Emerging Market Index ที่ทำผลตอบแทนได้เพียง 9.75% และในส่วนผลตอบแทนระยะยาว 5 ปี ยังให้ผลตอบแทนในระดับที่สูงถึง 15.26% ต่อปี ซึ่งสามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดอย่าง MSCI Emerging Markets Index ที่ทำผลตอบแทนได้เพียง 9.90% ต่อปี อีกเช่นเคย (ข้อมูลจาก Baillie Gifford 30 พฤศจิกายน 2021) ในส่วนความเสี่ยงค่าความผันผวนของกองทุนอยู่ระหว่างช่วง 15-25% และมากไปกว่านั้น กองทุนดังกล่าวยังได้รับรางวัล 5 ดาว จากทาง Morningstar อีกด้วย

สรุปจุดเด่นกองทุน
กองทุน TMBEAERMF ถือว่าเป็นกองทุนที่ผสมผสานข้อดีของตลาด Emerging Market ที่มีการเติบโตสูง และข้อดีของการลงทุนระยะยาวตามสไตล์ Baillie Gifford ไว้อย่างลงตัว สรุปเป็นจุดเด่นของกองทุน 3 ข้อดังนี้
ตลาดเกิดใหม่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง

ทีมผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์มาจากประวัติการศึกษาที่หลากหลาย วิเคราะห์บริษัทได้ในหลายมิติ มีผลงานมากกว่าทศวรรษ 10 ปี ชนะดัชนีชี้วัด ได้รับรางวัล 5 ดาว จากทาง Morningstar (30 พ.ย. 2021)
คัดสรรบริษัทชั้นเยี่ยม ในตลาดเกิดใหม่ เพื่อทำการลงทุน
ลและหุ้นที่ถือในปัจจุบันเน้นกลุ่มเทคโนโลยี ตอบโจทย์การเติบโตของโลกในอนาคต

ถ้าอยากซื้อกองทุนประเภทอื่น ๆ ก็สามารถซื้อผ่าน FinVest ได้

กองทุนในประเทศที่ลงทุนผ่าน Baillie Gifford Emerging Market Leading Companies
TMBEAE
M-EM

กองทุนนี้สามารถซื้อที่แอป FinVest ได้เลยที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/cd81c26c
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ Line https://lin.ee/3wINMDBsz
Follow us on Website: www.finvest.co.th

#FinVest #YourWingsYourWays


ข้อมูลอ้างอิง

https://av.sc.com/corp-en/content/docs/Standard-Chartered-Opportunity-2030.pdfhttps://www.imf.org/external/datamapper/NGDPD@WEO/OEMDC/ADVEC/WEOWORLDhttps://www.franklintempleton.lu/our-funds/investment-topics-in-focus/emerging-marketshttps://www.bailliegifford.com/en/germany/professional-investor/funds/worldwide-emerging-markets-leading-companies-fund/https://en.wikipedia.org/wiki/Emerging_markethttps://www.imf.org/external/pubs/ft/fandd/2021/06/the-future-of-emerging-markets-duttagupta-and-pazarbasioglu.htmhttps://www.bailliegifford.com/en/germany/professional-investor/literature-library/institutional-only-literature/philosophy-and-process/emerging-markets-philosophy-and-process/https://www.tmbameastspring.com/THDocs/FI/Fund%20Insight%20-%20I23_th.pdfhttps://www.lazardassetmanagement.com/research-insights/outlooks/emerging-marketshttps://vitalwave.com/wp-content/uploads/2015/09/10-Facts-about-Emerging-market-Cities-05-01-121.pdfhttps://www.dw.com/en/imf-lack-of-access-to-vaccines-hurting-global-economic-recovery/a-58659997

Related Posts